ครม.เศรษฐกิจชงแผนพยุงอุตฯท่องเที่ยวเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า เตรียมมาตรการทางการคลังจัดแพคเกจกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศหักภาษีสัมมนาในประเทศ 2 เท่า ลดภาษีน้ำมันเครื่องบิน ลดค่าภาษีสนามบิน ชะลอส่งเงินภาษีนิติบุคคล กองทุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการ
เว็บไซต์ www.bangkokbiznews.com รายงานว่านายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะเลขานุการคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานวันนี้ (31 ม.ค.) ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือกันในเรื่องมาตรการพยุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เนื่องจากผลกระทบของไวรัสอู่ฮั่นที่แพร่ระบาด
โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวมีสัดส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ถึง 20% และมีการจ้างงานกว่า 10 ล้านคน โดยเป็นแรงงานที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยวโดยตรง 5 ล้านคน และการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 5 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีการเตรียมมาตรการรองรับในช่วงเวลาที่จะเกิดผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ประมาณ 3-4 เดือน
ทั้งนี้มาตรการที่มีการเสนอเพื่อจะช่วย แบ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือระยะเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวสามารถที่จะอยู่รอดได้ในภาวะที่ยากลำบาก และมาตรการระยะยาวที่จะช่วยเหลือฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในระยะต่อภายหลังปัญหาโรคระบาดบรรเทาลง
โดยมาตรการระยะสั้น แบ่งเป็น มาตรการทางการคลัง ได้แก่ มาตรการทางด้านการคลัง ประกอบไปด้วย มาตรการการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน การกระตุ้นให้ภาคเอกชนจัดสัมมนาท่องเที่ยวในประเทศโดยหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า การเลื่อนระยะเวลาจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด การเตรียมวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งมาตรการของกระทรวงการคลังเตรียมที่จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 4 ก.พ.ที่จะถึงนี้
สำหรับมาตรการเร่งด่วนอื่นๆ ที่จะช่วยเหลือภาคท่องเที่ยว ซึ่ง ครม.เศรษฐกิจจะเสนอให้ ครม.รับทราบในภาพรวม ได้แก่ มาตรการของกระทรวงคมนาคมในการ ปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมการขึ้น-ลง ของท่าอากาศยาน (Landing Fee) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการต่างประเทศ กรมประชาสัมพันธ์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกันส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องการป้องกันและรับมือกับโรคให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เป็นข้อความเดียว (Single message)
นอกจากนั้นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ในการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ ให้ปฏิบัติตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข และยกระดับศูนย์ท่องเที่ยวทั่วประเทศที่มีอยู่ให้เป็น One Stop service สำหรับอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่ยังคงพำนักต่อเนื่องในไทย เป็นต้น
สำหรับมาตรการระยะยาว ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.ปีนี้เป็นต้นไป ได้แก่ การยกระดับการให้บริการด้านการท่องเที่ยว การอำนวยความสะดวกแก้ไขปัญหาของนักท่องเที่ยว โดยจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการปลดล็อกและอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว หรือคณะกรรมการ Ease of Traveling ซึ่งจะวางแนวทางและนโยบายเกี่ยวกับการจัดทำแผนการประชุมและสัมนา (MICE) การบริหารตางรางการบิน (Time slot) การพิจารณาเปิดสนามบินนานาชาติมากขึ้นและอำนวยความสะดวกการท่องเที่ยว และการเพิ่มความรวดเร็วในการเข้าเมืองของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
รายงานข่าวระบุว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวจีนในเดือน ม.ค.-เม.ย.2563 โดยสำนักงาน ททท.ในจีน 5 แห่ง ประเมินว่ากระทบรายได้จากการท่องเที่ยว 95,000 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานปักกิ่ง ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 554,000 คน สูยเสียรายได้ 22,848 ล้านบาท จำนวน Booking ลดลง 80%