สืบเนื่องจากรายงานผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ขยายวงไปทั่วประเทศ หน่วยปกครองระดับมณฑล 30 แห่งของจีน ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับสูงสุด เพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
เว็บไซต์ https://mgronline.com/ รายงานว่าเมื่อวันเสาร์ (25 ม.ค.) มองโกเลียใน หนิงเซี่ย เฮยหลงเจียง จี๋หลิน เหลียวหนิง ซานซี ส่านซี เหอหนาน กานซู่ ชิงไห่ ซินเจียง และไห่หนาน ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับสูงสุดตามภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ
จำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ รวมอยู่ที่ 2,022 ราย โดยมีอาการหนักขั้นวิกฤต 324 ราย ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 56 ราย จากข้อมูล ณ วันเสาร์ที่ 25 ม.ค.
ทั้งนี้ “เขตปกครองตนเองทิเบต” ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน นับเป็นภูมิภาคเพียงแห่งเดียวที่ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ ในปัจจุบัน
ด้านคณะกรรมการกรมการเมืองประจำคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) จัดการประชุมด้านการป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
สีจิ้นผิง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคฯ เป็นประธานการประชุมดังกล่าว ซึ่งตัดสินใจจัดตั้งคณะทำงานพิเศษประจำคณะกรรมการกลางพรรคฯ เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติงานป้องกันและควบคุมเชื้อไวรัสฯ
นอกจากนั้นการประชุมฯ ยังดำเนินการศึกษาและการเตรียมการในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วย และจะส่งคณะทำงานพิเศษไปยังมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของประเทศ เพื่อชี้แนวทางการปฏิบัติงานในพื้นที่
“ชีวิตคือสิ่งสำคัญสูงสุด ความรับผิดชอบของเราคือการป้องกันและการควบคุมเชื้อไวรัสฯ” สีกล่าว พร้อมออกคำสั่งให้การป้องกันและการควบคุมเชื้อไวรัสฯ เป็นพันธกิจอันดับหนึ่งของคณะกรรมการพรรคฯ และรัฐบาลทุกระดับ
สีเน้นย้ำความสำคัญและความเร่งด่วนของการปฏิบัติงาน โดยเจ้าหน้าที่พรรคฯ และรัฐบาลต้องปฏิบัติงานและอยู่แนวหน้าเสมอ เพื่อรักษาความมั่นคงของสังคมและทำให้ประชาชนได้เฉลิมฉลองปีใหม่จีนอย่างสุขสงบ
การประชุมฯ ระบุว่าสีจับตามองการแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด เขาเรียกประชุมหลายครั้ง รับฟังรายงาน และออกคำสั่งต่างๆ พร้อมเรียกร้องคณะกรรมการพรรคฯ รัฐบาลทุกระดับ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดถือชีวิตและสุขภาพของประชาชนเป็นอันดับแรก
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่รัฐในหูเป่ยต้องให้ความสำคัญยิ่งยวดกับการป้องกันและการควบคุมเชื้อไวรัสฯ รวมถึงดำเนินมาตรการเข้มงวดเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดและนำผู้ป่วยทุกคนมากักกันตัวเพื่อรับการรักษา ณ ศูนย์กลางเดียวกัน
การประชุมฯ ยังเรียกร้องความพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯ เร่งรัดการเพิ่มพูนบุคลากรทางการแพทย์ และการประสานงานทรัพยากรทางการแพทย์ระหว่างพลเรือนและกองทัพ
การปฏิบัติงานป้องกันและควบคุมเชื้อไวรัสฯ ควรดำเนินบนทิศทางที่อ้างอิงหลักกฎหมาย หลักวิทยาศาสตร์ และความเป็นระเบียบ ขณะเดียวกันการติดตาม การคัดกรอง และการแจ้งเตือน ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ
การประชุมฯ สำทับถึงการเผยแพร่ข้อมูลอย่างทันท่วงที ถูกต้องแม่นยำ และบริสุทธิ์โปร่งใส เพื่อแก้ไขข้อวิตกกังวลจากสาธารณชนทั้งในและนอกประเทศ