'เพื่อชาติ' ชี้รัฐบาล 'ประยุทธ์'ตกอยู่ในสภาวะ 'จำใจยอม' พรรคเล็กคุมเกม
เว็บไซต์ไทยโพสต์รายงานว่านายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ ทั้งทางด้านการเมือง และเศษรฐกิจ กล่าวคือ เกิดปรากฏการณ์ที่พรรคเล็กมีอำนาจต่อรอง มีมูลค่าทางการเมืองสูง อันเป็นผลมาจากรัฐบาลผสมที่อ่อนแอ ซึ่งนอกจากไม่เพียงมีเสียงปริ่มน้ำ แต่ยังมีความหลากหลายของพรรคการเมือง และความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งอย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการทหาร ไม่ใช่นักบริหาร หรือนักการเมือง จึงขาดประสบการณ์ทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการความต้องการของพรรคร่วมรัฐบาลได้อย่างลงตัว
ยิ่งบางพรรคที่มีทั้งความเก๋า ความเก่า และความเขี้ยวทางการเมืองด้วยแล้ว ดังนั้นจึงทำให้เราเห็นปรากฏการณ์การต่อรองที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังการจัดตั้งรัฐบาล และตามมาด้วยการโหวตสวนทางกับพรรคร่วมรัฐบาลของสมาชิกบางพรรค รวมทั้งปรากฏการณ์สภาล่มบ่อยครั้ง จนในที่สุดรัฐบาลก็ต้องแก้ปัญาหาด้วยการจัดดินเนอร์มื้อค่ำพูดคุยกับพรรคร่วม และจำเป็นต้องดึงพรรคเล็กพรรคจิ๋วเสริมทีมรัฐบาล แม้พรรคเหล่านี้จะยอมเสียจุดยืนทางการเมืองของตนเอง ที่ครั้งหนึ่งเคยประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระก็ตาม ดังนั้น ตนมองว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ในขณะนี้ตกอยู่ในสภาวะ “จำใจยอม” ต่อพรรคเล็ก เพราะทุกเสียงมีค่ามีความหมายต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐบาล อะไรที่รัฐบาลยอมพรรคเล็กได้ก็คงต้องยอม ขณะที่พรรคเล็กเองก็อยู่ในภาวะ “จำใจตาม” เช่นกัน เพราะต่อให้ต้องเสียอุดมการณ์และจุดยืนทางการเมืองก็คงถอยไม่ได้ เพราะถ้าถอยคงไม่เกิดประโยชน์และได้อะไร สู้เป็นฝ่ายรัฐบาลมีตำแหน่งแห่งที่คงจะดีกว่า เพราะฉะนั้นจากนี้ต่อไปหากรัฐบาลยังคงรักษาระดับมาตรฐานอย่างคงเส้นคงวาของการเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไว้ได้ ตราบนั้นก็คงไม่มีหลักประกันอะไรที่จะทำให้รัฐบาลเดินหน้าบริหารประเทศได้ต่อไปจนครบวาระ และเราคงจะได้เห็นปรากฏการณ์อภินิหารตำนานงูเห่ายุคใหม่ที่มีรูปแบบและวิธีการแตกต่างจากอดีต ในสภาต่อไปอย่างแน่นอน
นายรยุศด์ กล่าวอีกว่า ปัญหาเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประเทศในขณะนี้ ตนถือว่ามีความสำคัญมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด เพราะส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง ดังนั้นตนจึงอยากแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ หาคนใหม่ที่เก่ง และเป็นคนดี มี ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ เข้ามาแก้ไขปัญหา เพื่อเรียกคืนศรัทธา ความเชื่อมั่น และความหวังใหม่ๆให้กับประชาชนได้แล้ว เพราะจากผลงาน 5 ปี ที่ผ่านมาย่อมเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนแล้วว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถแก้ไขปัญหาและความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศได้ และแม้ส่วนตัวตนจะมีความเห็นต่างทางการเมืองกับรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ตนก็อยากเห็นรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจ นำพาบ้านเมืองเดินหน้าต่อไป เป็นความหวัง ความศรัทธา และเป็นที่พึ่งของประชาชนทั้งประเทศได้ เพราะต่อให้รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำแต่ถ้าเศรษฐกิจดี ประชาชนอยู่ดีกินดีย่อมจะไม่ใช่ปัญหา ตรงกันข้ามจะเป็นเกราะคุ้มครองให้รัฐบาลได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ตนมองว่ายังไม่สาย ที่
พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จะเข้าใจและรีบแก้ไขในจุดนี้ เพราะถ้าหากเศรษฐกิจของประเทศพังลง และต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์รับผิดชอบด้วยการยุบสภา หรือลาออกก็คงไม่คุ้ม เพราะอย่าลืมว่าต้นทุนทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลย่อมไม่มีค่ามากพอที่จะมาชดเชย เมื่อเทียบกับความสูญเสียที่มีต่อเศรษฐกิจ และประชาชนทั้งประเทศ