ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง 5 แนวร่วม นปช. คดียิง M79 ใส่ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ พยานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ จำเลยยันถูกทำร้ายบังคับรับสารภาพ
ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1318/2561 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายณรงค์ศักดิ์ หรือตุ้ย พลายอร่าม, นายชัชวาล หรือชัช ปราบบำรุง, นายทวีชัย หรือวี หรือชัย วิชาคำ นายสมศรี หรือเยอะ มาฤทธิ์ และนายพีรพงษ์ หรือธานินทร์ สินธุสนธิชาติ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเจตนาฆ่าผู้อื่น, พ.ร.บ.อาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุน เครื่องยุทธภัณฑ์ ฯลฯ
กรณีเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2557 เวลากลางคืนจำเลยทั้งห้า กับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนี ได้ร่วมกันใช้เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตร หรือเอ็ม 79 กระสุนระเบิดชนิดสังหาร 6 ลูก ยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. บริเวณเวทีถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้กับศูนย์ราชการ โดยมีเจตนาฆ่ากลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. และประชาชนทั่วไปให้ถึงแก่ความตาย โดยพวกจำเลยให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี
วันนี้ ศาลเบิกตัวพวกจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาล ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบแล้วเห็นว่า พยานโจทก์แต่ละปากต่างเป็นผู้ได้รับคำบอกเล่าจากจำเลยที่ 1 และ 5 และนายยงยุทธ หรือชินจัง บุญดี ทั้งสิ้น โดยจำเลยที่ 1 และ 5 เบิกความยืนยันหลังถูกจับกุมไว้ในค่ายทหารตามกฎอัยการศึก ถูกทำร้ายร่างกาย ขู่เข็ญให้รับสารภาพ และนำเอกสารต่างๆ มาให้ลงชื่อโดยไม่ทราบข้อความ หลังจากจำเลยที่ 1 พ้นจากการควบคุมของทหาร จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ โดยมีผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลมายืนยัน
ด้านจำเลยที่ 5 ยืนยันถูกทำร้ายร่างกาย และทหารโน้มน้าวจูงใจให้ช่วยเหลือราชการ โดยจะไม่ถูกดำเนินคดี ขณะที่ นายยงยุทธ พยานเมื่อพ้นจากการควบคุมของทหารได้ให้การปฏิเสธ ยืนยันไม่ได้สารภาพโดยสมัครใจ ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้การปฏิเสธตลอดมา พยานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 5 กระทำความผิดตามฟ้องโจทก์ พิพากษายกฟ้อง