พรรคพลังประชารัฐลั่นนโยบายของรัฐบาลจับต้องได้ เน้นลดความเหลื่อมล้ำของสังคม พร้อมขยายสวัสดิการรัฐให้ทั่วถึง
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำนโยบายรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคฯ ได้ประชุมคณะทำงาน เพื่อพิจารณาจัดทำร่างนโยบายรัฐบาลในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ก่อนที่จะมีการประสานขอนโยบายจากพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อนำมาผสมผสานจัดทำเป็นนโยบายรัฐบาลต่อไป โดยจะมีการเชิญตัวแทนของแต่ละพรรคร่วมเป็นคณะทำงานด้วย ซึ่งนายสนธิรัตน์ยืนยันว่า นโยบายรัฐบาลจะต้องเป็นสิ่งที่จับต้องได้
สำหรับโครงร่างนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่จัดทำไว้ ส่วนแรกเป็นการพิจารณาถึงสถานการณ์ของประเทศ ปัจจัยความเสี่ยงที่ประเทศไทยต้องเผชิญ และหลักการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลในช่วง 4 ปี ที่จะน้อมนำปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเป็นหลักในการบริหารประเทศการยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการพัฒนาประเทศไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยที่ประชาชนไทยมีความมั่นคงบนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ขณะที่นโยบายเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการในช่วง 1 ปีแรกของรัฐบาลเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และจัดระบบสวัสดิการสู่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม อาทิ การสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นโยบายมารดาประชารัฐ การจ่ายเงินอุดหนุนให้กับเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ขวบ รวมทั้งโอกาสทางการศึกษาของเด็กวัยเรียนให้ได้เข้าเรียนตามศักยภาพทุกคน
เช่นเดียวกับการปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ยากไร้ พร้อมกับปรับทักษะให้สามารถทำงานและดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่า มีความสุข ตลอดจนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ ครอบคลุมประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งการยกระดับ อสม.ประจำหมู่บ้าน ระบบการแพทย์ทางไกล เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงในทุกพื้นที่
ขณะเดียวกัน ให้มีการปรับปรุงระบบโครงสร้างอัตราภาษีและระบบการให้สินเชื่อทางการเงิน เพื่อให้ประชาชนสามารถวางแผนในการจัดหาที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ตามความพร้อมทางการเงิน
นอกจากนี้ ยังจัดให้มีการลดต้นทุนและยกระดับรายได้เกษตรกร ด้วยการจัดให้มีระบบเครื่องมือทางการเงินสมัยใหม่ และมาตรการเหมาะสมที่จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายทางวินัยการเงินและการคลังของประเทศในระยะยาว ซึ่งได้มีการให้ความสำคัญกับพืชเศรษฐกิจ อาทิ ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์ม และยางพารา และ การพักหนี้กองทุนหมู่บ้านด้วย
ที่มา : https://www.tnnthailand.com/content/9848