
กสม.ออก แถลงการณ์ห่วงสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา หลังยิงจรวดใส่พื้นที่พลเรือน ประณามพฤติการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชน-กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการโจมตี เร่งเยียวยา และหาทางสร้างสันติภาพในพื้นที่โดยเร็ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวกรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเนื้อหาแถลงการณ์ระบุว่า
ตามที่มีรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2568เป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรากฏการโจมตีด้วยอาวุธจรวด BM-21 มายังพื้นที่พลเรือน เช่น ในพื้นที่บ้านหนองเม็ก ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางแหล่งชุมชนและโรงเรียน
เป็นเหตุให้มีประชาชนเสียชีวิต บ้านเรือนถูกเพลิงไหม้ ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย กระทบต่อรายได้และการประกอบอาชีพ โรงพยาบาลหลายแห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราว และประชาชนต้องอพยพจากถิ่นที่อยู่เป็นจำนวนมาก นั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของทหารและประชาชนผู้เสียชีวิต รวมทั้งประชาชนที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินจากแรงระเบิด และมีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของทหารและประชาชนบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา โดยขอเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายผ่านสถานการณ์ความทุกข์ยากเดือดร้อนที่เกิดขึ้นไปได้ด้วยดี
กสม. เห็นว่า การที่ทหารกัมพูชาเปิดฉากปะทะและใช้ยุทธวิธีโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายมายังแหล่งชุมชน รวมทั้งยังมีพฤติการณ์ที่ขัดขวางการเดินทางกลับประเทศของประชาชนชาวไทยหลายพันคนเป็นการละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวาและธรรมนูญกรุงโรม
ในฐานะสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับชาติของไทยที่จัดตั้งขึ้นตามหลักการปารีส กสม.จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและทหารกัมพูชาเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน ยุติการโจมตีต่อพื้นที่พลเรือน และไม่ใช้พลเรือนเป็นเสมือนโล่มนุษย์ พร้อมกันนี้ขอให้รัฐบาลไทยและหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาความเสียหายและเร่งหาทางออกที่นำไปสู่การสร้างสันติภาพในพื้นที่โดยเร็ว รวมทั้งแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อมิให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายได้รับผลกระทบที่รุนแรงยิ่งไปกว่านี้
พร้อมกันนี้ กสม. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความขัดแย้งบริเวณชายแดนจะคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วอีกทั้งไม่ผลิต สร้าง หรือเพิ่มความเกลียดชังทางเชื้อชาติในหมู่ประชาชนทั้งสองประเทศ


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา