
ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว สันธนะกับพวก รวม 5 ราย ผู้ต้องหา คดีอุ้มเรียกค่าไถ่ไต้หวัน หลักประกันจำเลยคนละ 400,000 บาท ติดกำไล EM - ห้ามออกนอกราชอาญาจักร ไชยรัตน์ ปาวะกะนันท์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดไทม์ไลน์ ทำไมออกหมายจับ เหตุเบี้ยวนัดตำรวจส่งตัวอัยการ ฟ้อง ยันไม่เคยมีหนังสือร้องขอความเป็นธรรมตามระเบียบฯเข้ามาตามที่กล่าวอ้าง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 นายไชยรัตน์ ปาวะกะนันท์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยกรณีเจ้าหน้าที่ชุด บก.สส.บช.น. บุกควบคุมตัวนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ในโรงแรมชื่อดัง ย่านเพลินจิต กรุงเทพมหานคร หลังถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับในฐานความผิดร่วมกันเป็นอั้งยี่ซ่องโจร และร่วมกันเรียกค่าไถ่และข่มขืนใจผู้อื่น กรณีถูกกล่าวหาว่ามีการอุ้มเรียกค่าไถ่ชาวไต้หวัน ว่า คดีนี้เหตุเกิด วันที่ 28 มี.ค. 2564 มีผู้ต้องหา 25 คน อัยการสั่งฟ้องและเห็นควรสั่งฟ้อง (ผู้ต้องหาที่ไม่มีตัวหรือหลบหนี) ข้อหา ร่วมกันอั้งยี่ ช่องโจร ,ร่วมกันเรียกค่าไถ่ ,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้น ไป โดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ ,ร่วมกันหน่วงเหนียว หรือกักขักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ,ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดย ไตร่ตรองไว้ก่อน ,ร่วมกันมีอาวุธขึ้นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
@ แจง ออกหมายจับ เหตุ เบี้ยวนัด
ส่วนที่ถามว่าทำไม 4 ปี คดีถึงเพิ่งมีการพิจารณาสั่งคดี นายไชยรัตน์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการพิจารณาส่งสำนวนคดีไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ และเมื่อความเห็นของอัยการสูงสุดลงมาว่า ไม่ใช่คดีนอกราชอาณาจักรจึงให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามปกติ โดยตำรวจส่งสำนวนครั้งแรก ผู้ต้องหามาไม่ครบ มีคนหลบหนี โดยนายสันธนะเดินทางมาพบพนักงานอัยการในรอบแรก โดยยื่นประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน
นายไชยรัตน์กล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานอัยการได้ส่งตัวผู้ต้องหาที่ 7,10-14, 15-18 ไปฟ้องต้องต่อศาลอากรุงเทพใต้ เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 548/68/68 คดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนกลับมาที่สำนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้อีกครั้ง เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 68 โดยไม่มีการควบคุมตัวนายสันธนะ
“ต่อมาพนักงานอัยการได้มีหนังสือแจ้งให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาที่เหลือ (รวมถึงนายสันธนะ ผู้ต้องหาที่19) มาส่งตัวให้พนักงานอัยการนำไปฟ้องต้องต่อศาล โดยให้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมในความผิดฐาน ร่วมกันเรียกค่าไถ่ ,ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดย ไม่ได้รับใบอนุญาต”นายไชยรัตน์กล่าว
@ โต้ ‘สันธนะ’ ไม่เคยร้องขอความเป็นธรรม
นายไชยรัตน์กล่าวว่า วันที่ 18 ส.ค 68 พนักงานอัยการมีหนังสือแจ้งให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาส่งพนักงานอัยการ เพื่อนำตัวไปฟ้องต่อศาลโดยให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้ครบถ้วน วันที่ 15 ต.ค 68 พนักงานอัยการมีหนังสือแจ้งเตือนพนักงานสอบสวนให้นำตัวผู้ต้องหาที่ 1,3,4,6,9,19-25 มาส่งพนักงานอัยการเพื่อนำตัวไปฟ้องต้องต่อศาลโดยให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
“นายสันธนะ เคยมาพบพนักงานอัยการโดยมาแจ้งว่าได้ไปพบพนักงานสอบสวนแล้ว และได้นำบันทึกประจำวันคดีมาแสดงว่าได้มาพบพนักงานสอบสวนและจะนัดมาเพื่อพบพนักงานอัยการอีกครั้ง โดยไม่เคยยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด และตามกฎหมายพนักงานอัยการก็ไม่มีอำนาจจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ และเรายังไม่สามารถนำตัวไปฟ้องในวันนั้นได้เนื่องจาก พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมตามที่อัยการสั่งไป”นายไชยรัตน์กล่าว
นายไชยรัตน์กล่าวว่า ส่วนที่มีการออกหมายจับ เนื่องจากภายหลังพนักงานสอบสวนได้มีหนังสือเรียกให้มาพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวมาส่งให้อัยการ 2 ครั้งติดกัน แต่ไม่มา พนักงานสอบสวนเลยไปขอออกหมายจับเพื่อนำตัวมาส่งให้พนักงานอัยการนำตัวมาฟ้องศาล
@ ปล่อยตัวชั่วคราว หลักประกัน 4 แสน ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกปท.
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด ภายหลังพนักงานอัยการ ยื่นฟ้องแล้ว จำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวชั้นพิจารณา ศาลอาญากรุงเทพใต้พิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยกำหนดหลักประกันจำเลยคนละ 400,000 บาท พร้อมกับให้ติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลในการปล่อยชั่วคราว (กำไล EM) และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล โดยจำเลยทั้งห้า ได้นำเงินสดมาวางเป็นหลักประกันพร้อมทำสัญญาประกัน และติดอุปกรณ์กำไล EM เรียบร้อย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา