
ป.ป.ช.ชี้มูลอดีตปลัด อบต.โพธิ์ประสาท ทุจริตนำเอกสารส่วนตัวอดีตคู่สัญญามาเบิกจ่ายงบในสัญญาทำอาหาร-เครื่องดื่ม อบต.ก่อนถอนเงินจากบัญชีผู้รับจ้างเข้าประโยชน์ตัวเอง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 4 ก.ย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกเอกสารข่าวแจกกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลนางกุลภาภร ป้อมจันทร์ อดีตปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ประสาท อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 – 2559 ขณะดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ประสาท อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
นางกุลภาภร ได้เข้าไปมีส่วนได้เสียในสัญญาจ้างทำอาหารและเครื่องดื่มขององค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ประสาท จำนวน 8 สัญญา วงเงินรวม 98,950 บาท
โดยนำชื่อของผู้มีอาชีพเกษตรกรรายหนึ่งมาให้เจ้าหน้าที่พัสดุทำเอกสารจัดจ้างเป็นผู้รับจ้างทำอาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากเกษตรกรรายดังกล่าวเคยส่งมอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สมุดบัญชีเงินฝาก และบัตร ATM ให้นางกุลภาภร ป้อมจันทร์ เก็บรักษาไว้ขณะเข้าเป็นคู่สัญญาขายอาหารสดให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ประสาท โดยที่บุคคลดังกล่าวไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าตนได้เข้าเป็นผู้รับจ้างและมิได้ลงลายมือชื่อในเอกสารการจัดจ้าง
จากนั้นนางกุลภาภร ป้อมจันทร์ ได้เป็นผู้ดำเนินการติดต่อสั่งซื้อสินค้าและนำมาส่งมอบให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ประสาทด้วยตนเอง
และเมื่อองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ประสาทอนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าจ้าง จำนวน 8 สัญญา ให้แก่ผู้รับจ้างแล้ว นางกุลภาภร ป้อมจันทร์ ได้นำเอกสารฎีกาเบิกจ่ายเงินและเช็คสั่งจ่ายไปดำเนินการจ่ายเช็คค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างนอกที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ประสาท ก่อนนำเช็คฝากเข้าบัญชีธนาคารของผู้รับจ้างและทำรายการเบิกถอนเงิน หรือทำรายการถอนเงินสดที่ตู้ ATM นำเงินไปเป็นประโยชน์สำหรับตนเอง โดยใช้สมุดบัญชีเงินฝากและบัตร ATM ของบุคคลที่มีชื่อเป็นผู้รับจ้างซึ่งตนเป็นผู้ยึดถือครอบครองไว้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนางกุลภาภร ป้อมจันทร์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 และให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ประสาท ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
ทั้งนี้ จากการไต่สวนปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้อำนวยการกองคลัง เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี และผู้ช่วยเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ซึ่งยินยอมส่งมอบเอกสารฎีกาเบิกจ่ายเงินค่าจ้างและเช็คธนาคารสั่งจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่นางกุลภาภร ป้อมจันทร์ เพื่อไปดำเนินการจ่ายเช็คค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างนอกสถานที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ประสาท เป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 จึงให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอน ดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา