DSI เปิดตู้คอนเทนเนอร์ท่าเรือแหลมฉบัง ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าซ่อนปะปนกับสินค้าอื่น ลักลอบนำเข้าจากจีน มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เนื่องด้วยปัจจุบันมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในสังคมไทยเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับบุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าและจำหน่ายในประเทศ จึงเกิดขบวนการลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงสุขภาพของประชาชนโดยกำลังระบาดเข้าไปในกลุ่มวัยรุ่นรวมทั้งเด็กและเยาวชนทำให้เกิดความกังวลใจของพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้เล็งเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าประกอบกับได้มีการร้องขอจากภาคีอุตสาหกรรมยาสูบให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มอบหมายให้ กองคดีภาษีอากร บูรณาการร่วมกับ กรมศุลกากร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสืบสวนสอบสวนขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาภายในราชอาณาจักร ภายใต้การอำนวยการของ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากรได้สั่งการให้ พันตำรวจตรี กล้าหาญ คล่องพยาบาล รองผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร นายปัณฑ์พิสิษฐ์ วิสาลเสสถ์ผู้อำนวยการส่วนคดีภาษีอากร 2 พร้อมคณะ ได้ทำการสืบสวนกรณีดังกล่าว จากการสืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาภายในราชอาณาจักรผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง วันที่ 22 - 23 ธันวาคม 2567 โดยซุกซ่อนมาในตู้คอนเทนเนอร์ปะปนกับสินค้าอื่น
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมด้วยคณะพนักงานสืบสวนกองคดีภาษีอากร ร่วมกับสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง โดย นายวุฒิ เร่งประดุงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสินค้าต้องสงสัยต้นทางมาจากประเทศจีน ผลการตรวจสอบพบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 47,495 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ถูกซุกซ่อนปะปนมากับสินค้าอื่นเข้ามาอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ร่วมกับกรมศุลกากรยึดอายัดของกลางดังกล่าวไว้และจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป