มูลนิธิทวงคืนยุติธรรมฯ นำ 300 ผู้ประกอบการโชห่วย ร้อง ‘โกศลวัฒน์’ อธ.อัยการสำนักคุ้มครองสิทธิฯ เหตุถูก บ.ดังหลอกลงทุนจนขาดทุน เผยชาวบ้านบางคนหลังไปแจ้งความ เจอเอกชนแจ้งความจับข้อหายักยอกทรัพย์-หมิ่นประมาท ด้าน ‘โกศลวัฒน์’ จ่อประสานอัยการจังหวัดรับเรื่องร้องทุกข์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2567 ที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ชั้น 2 สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารศูนย์ราชการฯ ถนนเเจ้งวัฒน์เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมพาตัวแทนชาวบ้านจากทั้งหมดกว่า 300 คน ที่ทำร้านค้าโชห่วยดัง เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย กับนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.)
กรณีชาวบ้านกว่า 300 คนถูก บริษัทดังแห่งหนึ่งที่มีการเปิดให้มีการร่วมลงทุนโดยมีการโฆษณายกระดับการลงทุนเเต่มาภายหลังมีการขาดทุนจนเกิดความเสียหายเเละรวมตัวกันไปเเจ้งความที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เเต่ภายหลังบางรายถูกบริษัทแจ้งความดำเนินคดีข้อหา ยักยอกทรัพย์และหลังจากที่เดินทางไปร้องเรียนที่ DSI และนายกรัฐมนตรี บริษัทดังกล่าวได้แจ้งความดำเนินคดีข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กับชาวบ้านเพิ่มเเละในส่วนคดีที่ชาวบ้านไปร้องเรียนยังไม่มีความคืบหน้า
นาย รภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า การเข้ามาขอความช่วยเหลือกับอธิบดีอัยการ สคช.ในครั้งนี้เพื่อขอความรู้และแนวทางในการต่อสู้คดีที่ถูกบริษัทเเห่งหนึ่งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ โดยมีคำวินิจฉัยของอัยการจังหวัดตากที่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เพื่อประกอบเป็นแนวทางในการขอความช่วยเหลือของทางอัยการ สคช.เเนบมาด้วย ซึ่งในการพิจารณาคดีที่มีข้อที่พิพาทกันอยู่ว่า สินค้าตรงตามที่สั่งหรือไม่ โดยชาวบ้านยังไม่ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริง เพราะชาวบ้านเชื่อใจตัวบริษัทในการเก็บฐานข้อมูล แต่ในการตรวจสอบสินค้าขาดเกินจะรับรู้เพียงเฉพาะของบริษัทเท่านั้น ชาวบ้านไม่มีสิทธิ์ตรวจสอบได้ ซึ่งสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าบริโภคในร้านโชห่วย ดำเนินคดีโดยยอดความเสียหายที่ถูกดำเนินคดีบางรายมีสูง 2-4 เเสน บางรายหลักหมื่น
นายชาญชัย ฉายบุ ทนายความมูลนิธิ กล่าวเสริมว่าในความทุกข์ร้อนของประชาชนชาวบ้านที่ถูกดำเนินคดี บางส่วนถูกดำเนินคดีในเรื่องของยักยอกทรัพย์ บางส่วนก็มีคำพิพากษาถึงชั้นศาลฎีกาแล้วและบางส่วนยังอยู่ในชั้นของพนักงานสอบสวน วันนี้จึงมาขอให้อัยการคุ้มครองสิทธิ์ช่วยลงมาดูในเรื่องนี้เพราะเป็นความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน
นายโกศลวัฒน์ อธิบดีอัยการ สคช.กล่าวภายหลังรับเรื่องร้อวเรียนว่า เราได้รับทราบเรื่องแล้วแนวทางการช่วยเหลือคืออย่างแรกต้องทำตามระเบียบการขอความช่วยเหลือจากอัยการคุ้มครองสิทธิ์โดยเจ้าตัวจะต้องยื่นเอกสารเองเพื่อขอตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่ละรายไป ส่วนที่ผู้ร้องนำเอกสารนำเอกสารอัยการเกี่ยวกับการสั่งฟ้องของพนักงานอัยการมา ก็จะต้องนำมาพิจารณาประกอบด้วย และจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือให้ความรู้ทางกฎหมาย ทั้งนี้จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าผู้มาร้องเรียนมีกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ ได้ทำการให้แนวทางเข้าความช่วยเหลือเข้าขอความช่วยเหลือกับอัยการจังหวัด สคช. ในพื้นที่เพื่อความสะดวกและรวดเร็วโดยตนจะทำการประสานไปยังอัยการจังหวัด ทุกพื้นที่เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านกรณีนี้ไว้