DSI สนธิกำลัง สนง.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นำหมายค้นโกดังย่านบางระมาด ยึดที่ชาร์จ พาวเวอร์แบงค์นับหมื่นชิ้น ไม่มี มอก. มูลค่าของกลาง 3.86 ล.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ได้ออกเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์มีใจความว่าเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นำหมายค้นศาลอาญาตลิ่งชัน เข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้า ตั้งอยู่ย่านบางระมาด แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ผลการตรวจค้นพบ ชุดสายพ่วง และเครื่องจ่ายไฟฟ้า (adapter) จำนวน 16,813 ชิ้น แบตเตอรี่สำรองไฟฟ้าแบบพกพา (power bank) จำนวน 2,650 ชิ้น รวมมูลค่าของกลาง 3,863,950 บาท จึงได้ยึดเป็นของกลางและอายัด เครื่องคอมพิวเตอร์และเอกสารต่าง ๆ ไว้เพื่อดำเนินการตรวจสอบความผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยการตรวจค้นดังกล่าวสืบเนื่องมาจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนด 5 มาตรการหลัก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย/ระเบียบอย่างเข้มข้น ในการป้องกันปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพ มาตรฐาน อันเป็นการคุ้มครองและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภค
พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มอบหมายให้ พันตำรวจโท อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ร้อยโท ภชภณ สุพานิชวรภาชน์ ผู้อำนวยการส่วนคดีคุ้มครองผู้บริโภค 1 และเจ้าหน้าที่กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สืบสวนสืบทราบ ว่า มีผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้า จำพวกผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่สำรองไฟฟ้าสำหรับการใช้งานแบบพกพา (Power Bank) และผลิตภัณฑ์เครื่องจ่ายไฟฟ้าสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเล็ต (Wall Charger) ที่ไม่ได้รับเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ให้กับประชาชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ จึงรับไว้ดำเนินการเป็นเรื่องสืบสวนที่ 139/2567 นำไปสู่การขอหมายเข้าตรวจค้นโกดังย่านบางระมาดดังกล่าว
ทั้งนี้ การดำเนินคดีป้องกันปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพ มาตรฐาน อันเป็นการคุ้มครองและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภคและการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน (Strong Collaboration) เป็นนโยบายหลักประการสำคัญของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรม เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการป้องกันปราบปราม สืบสวนสอบสวนคดีในความรับผิดชอบ เพื่อให้การบริหารองค์การมีความยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลต่อไป