ปอท.เปิดปฏิบัติการ Annihilate Hybrid Scam ทลายแก๊งหลอก-รัก-ลวง-ลงทุน เหยื่อสูญ 46 ล. พฤติกรรมลงทุนส่งซื้อแหวนเพชร-ช่อกุหลาบ จนตายใจ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2567 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พ.ต.อ.เนติวงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท.ร่วมแถลงจับกุมนายยุทธชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญาที่ 5154/2567 ลง 25 ต.ค.2567 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่” หลังจับกุมตัวได้ที่อาคาร 3 ชั้น ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นอกจากนี้ยังเข้าจับกุมผู้ต้องหาร่วมแก๊งทั้งชาย-หญิง ได้อีก 19 คนด้วย
พล.ต.ต.อธิป เปิดเผยว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับเหยื่อและสถานการณ์ เพื่อหลอกให้ได้ทรัพย์สินมากที่สุด โดยมีการทำงานคล้ายกับบริษัทที่แสวงหาผลกำไรสูงสุด การหลอกลวงลักษณะหลอกให้รักแล้วชักชวนลงทุน เป็นที่รู้จักกันคือ “ไฮบริดสแกม” ซึ่งคดีนี้ทราบว่าเมื่อเดือนก.ค. 67 มีเฟซบุ๊กใช้ชื่อปลอมแอบอ้างเป็นหนุ่มหน้าตาดีมีฐานะ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้เสียหาย โดยแกล้งทักผิดมาหาผู้เสียหาย จากนั้นก็จะพูดคุยสร้างความสนิมสนมกับเหยื่ออยู่ประมาณ 1 เดือน มีการใช้วีดีโอคอลหาเหยื่อ โดยใช้AI สร้างภาพเคลื่อนไหวให้มีหน้าตาเหมือนภาพในเฟซบุ๊ก จนผู้เสียหายหลงเชื่อสนิทใจ ก่อนชักชวนลงทุนที่ผลกำไรดีพร้อมส่งลิงก์ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอม ชื่อ “Streaming” ให้ผู้เสียหาย
พล.ต.ต.อธิป กล่าวต่อว่า ระหว่างนี้เพื่อความแนบเนียนคนร้ายยังส่งแหวนเพชรและช่อดอกไม้มาให้เหยื่อเพื่อสร้างความเชื่อใจมากยิ่งขึ้น จนเหยื่อยอมโอนเงินมากขึ้นเรื่อยๆ ถึง 45 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 45.8 ล้านบาท ท้ายสุดเมื่อผู้เสียหายรู้ว่าโดนหลอก คนร้ายยอมรับอ้างกับผู้เสียหายว่าถูกบังคับให้ทำงานที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยขอร้องให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเป็นค่าไถ่ตนเองอีก 2 แสนบาทด้วย แต่ผู้เสียหายไม่หลงเชื่อและเข้าแจ้งความที่บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดี
พล.ต.ต.อธิป กล่าวอีกว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด มีทั้งระดับสั่งการ,กลุ่มจัดการฟอกเงิน ,บัญชีม้า มีทั้งคนไทย,ลาว ,กัมพูชา และจีน ก่อนเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 21 จุด ใน 11 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาได้ 20 คย แยกเป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1 ราย ,ฟอกเงินคริปโตเคอเรนซี่ 1 ราย , คนกดเงินสดและจัดหาบัญชีม้า จำนวน 9 ราย และเจ้าของบัญชีม้าอีก 9 ราย พร้อมยึดของกลางทรัพย์สินต่างๆ ทั้งหมดกว่า 208 รายการด้วย
สอบสวน นายยุทธชัย ให้การว่าตนทำหน้าที่ล่ามและเป็นผู้จัดการแก๊งคอลฯ ซึ่งมีนายทุนเป็นชาวจีน มีรูปแบบคล้ายบริษัทเอกชน โดยในองค์กรจะมีตนร่วมกับผู้จัดการคนลาว จัดทีมงานหลอกลวงเหยื่อ ทั้งหมด 10 ทีม แต่ละทีมมีพนักงานเป็นคนไทยและคนลาว 8-10 คน
นายยุทธชัย ให้การต่อว่า ส่วนวิธีการก็จะจัดหาซื้อบัญชีเฟซบุ๊กต่างๆ แล้วนำมาเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นบุคคลที่ดูมีฐานะการงานน่าเชื่อถือ โดยจะมีกลุ่มแชทคัดเลือเหยื่อส่งมาให้ทีมต่างๆ การคัดสรรเหยื่อจะดูจากฐานะการเงิน ,การใช้ชีวิตและครอบครัว ก่อนใช้บัญชีเฟซบุ๊กปลอมทักไปหาจนเหยื่อเริ่มพูดคุยด้วย ระหว่างนี้คนร้ายจะส่งภาพกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น ภาพทานอาหาร, ทำบุญ หรือเดินทางท่องเที่ยว หลังเหยื่อไว้ใจก็จะส่งลิงก์แอปฯปลอมให้ดาวน์โหลด เมื่อเริ่มการโอนเงินก็จะส่งงานต่อให้ระดับผู้จัดการชาวจีนและลาวคอยจัดการ เมื่อหลอกลวงเงินจากผู้เสียหายได้แล้วทั้งหมดก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเป็นเปอร์เซ็นต์ตามจำนวนเงินที่หลอกมาได้
พล.ต.ต.อธิป กล่าวอีกด้วยว่า จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าคนร้ายแก๊งนี้ มีการหลอกลงทุน, หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน และขู่กรรโชกทางเพศจากภาพโป๊เปลือย โดยนายยุทธชัยได้รับเงินเดือนประมาณ 8,000 หยวน คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 4 หมื่นบาท และยังรับเงินค่าคอมมิชชั่นที่ได้จากการหลอกลวงอีกด้วย ส่วนเหยื่อมีทั้งคนไทย,สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
จากการตรวจสอบพบแอปพลิเคชันปลอมที่คนร้ายใช้หลอกลวงทั้งหมด 5 แอปฯ คือ Streaming, TellMall, ETF Trade, Fhxcm และ Fxcm โดยพบข้อมูลการรับแจ้งความออนไลน์จากระบบThaipoliceonline พบว่า มีจำนวน 29 คดี ความเสียหายประมาณ 63 ล้านบาท อีกทั้งขณะทำการจับกุมนายยุทธชัยฯ พบว่านายยุทธชัยฯ กำลังรับงานยิงแอดโฆษณาให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน เพื่อหลอกลวงคนตุรกีและแอฟริกาด้วย เบื้องต้นได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน บก.ปอท.ดำเนินคดีต่อไป