‘บิ๊กเต่า’เผยคดีที่ทนายบอสพอลแจ้งความ ‘กฤษอนงค์-สายไหมต้องรอด’ มีมูล ส่วนที่ ‘ทนายตั้ม’ โดยเรื่องเรียกรับเงิน เร่งสอบสวนอยู่ ขณะที่ ‘ดีเอสไอ’ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหลังถูกกล่าวหาเอี่ยวสินบน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เมื่อเวลา 15.06 น. วันที่ 1 พ.ย. 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เข้าแจ้งความเอาผิดน.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง และ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด
โดยพล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (31 ต.ค. 67) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้มีการเรียกประชุม โดยสั่งการให้เร่งรัดการดำเนินการในหลายคดี และทำทุกมิติ ให้เป็นไปได้ด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งวันนี้ทนายบอสพอลได้เข้ามาร้องทุกข์ 2 เรื่องกับบก.ปอท. โดยเรื่องแรกคือแจ้งความเอาผิดน.ส.กฤษอนงค์ และเรื่องที่สองร้องเอาผิดกับนายเอกภพ นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่มาร้องกับบก.ป. ให้สืบสวนกรณีเรียกรับเงิน 7.5 ล้านบาท ของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ก่อนที่จะมีการจับกุมบอสพอล พบว่ามีการประสานงานผ่านโทรศัพท์มาจากสำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม
@แย้มข้อกล่าวหา ‘กฤษอนงค์-เอกภพ’ มีมูล
เมื่อถามว่าใน 3 ประเด็น มีเรื่องใดที่มีหลักฐานมากพอที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับได้เลยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนในระดับหนึ่ง ในภายแรกจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้แต่ด้วยทนายบอสพอลติดภารกิจหลายเรื่อง จึงทำให้มาร้องทุกข์ได้ในวันนี้ หลังจากนี้จะเร่งรัดทุกอย่างให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่าคลิปเสียงนักการเมือง คาดว่าจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ตนทราบมาว่าดีเอสไอ พบเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองคนดังกล่าว แต่ตนยังไม่เห็นหลักฐาน จึงยังไม่อยากให้ความเห็นในเรื่องนี้ ให้เป็นหน้าที่ของดีเอสไอก่อน แต่หากพบพยานหลักฐานจริง ดีเอสไอก็จะต้องเพิ่มข้อหาฟอกเงินไปด้วย
“ตำรวจเข้าใจในบทบาทของจิตอาสาหรือชมรมต่างๆที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างดี ไม่ได้จำกัดความช่วยเหลือ ตำรวจยินดีที่จะทำให้ทุกเรื่อง แต่อยากจะแจ้งไปยังทุกท่านที่จะมาดำเนินการอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ตรวจสอบพยานหลักฐานข้อเท็จจริงก่อน โดยจะต้องกลั่นกรองมาอย่างดี เพื่อที่จะเอามาให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ และอยากให้เข้าไปคุยกับพนักงานสอบสวนก่อน เมื่อปรากฏว่ามันมีหลักฐานจริง หากจะมาให้ข้อมูลอะไรก็จะไม่ถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาท และพ.ร.บ.คอม ส่วนใครที่ชอบออกนอกเกมส์ อยากจะตักเตือนว่าอย่าทำ ถ้าทำก็จะมีจุดจบอีกเร็วๆนี้ หากทำอะไรจะต้องคิด พอพูดไปแล้วทำให้หลายองค์กรต้องเสียหาย เนื่องจากสาธารณชนรับทราบไปแล้ว และอยากให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับจิตอาสาได้เป็นตัวอย่าง“ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
@ตั้งกรรมการสอบหลัง ‘ทนายตั้ม-สายไหมต้องรอด’ แจ้งเบาะแสสินบนเอี่ยว DSI
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีกด้านหนึ่ง ตามที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน และนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำบุคคลซึ่งเป็นแหล่งข่าว เข้าพบอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 กรณีที่มีการให้ข่าวต่อสื่อสาธารณะเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 ว่ามีข้อมูลการจ่ายสินบนเจ้าหน้าที่โดยมีเนื้อหาว่า น่าจะเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานของรัฐเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องรวมทั้งของกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย นั้น
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวได้เปิดเผยว่า พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ กรณีดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2567 เนื่องจากเป็นกรณีที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและกระทบต่อความรู้สึกของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเอง ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากโดยได้ทำการสอบปากคำนายเอกภพฯ และพยานที่นายเอกภพนำมา และนายวรัตน์พล หรือบอสพอลแล้ว ประกอบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอกก็ได้มีการสอบสวนกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งหากพบว่ามีมูลตามที่ร้องเรียนมาจะดำเนินการตามกฎหมายและตามระเบียบอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันหากไม่มีมูลความจริง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะมีความเห็นเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ให้ข่าวอย่างแน่นอน