ศาลอาญาสั่งจำคุกมือพ่นสีสเปรย์กำแพงวัดพระแก้ว 1 ปี ไม่รอลงอาญา หลังให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน และให้ริบกระป๋องสีสเปรย์ของกลาง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2567 ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1264/2566 พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายศุทธวีร์ สร้อยคำ หรือ บังเอิญ อายุ 26 ปี ซึ่งพ่นสีสเปรย์ใส่กำแพงรั้วพระบรมมหาราชวัง หรือวัดพระแก้ว เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งและขูดขีด เขียน พ่นสี หรือให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่ติดกับถนนหรือในที่สาธารณะ
กรณีเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2566 เวลาประมาณ 17.40 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้พบนายศุทธวีร์ ผู้กำลังพ่นสีสเปรย์อยู่บริเวณกำแพงรั้วพระบรมมาราชวังอฝั่งถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.โดยมีพวกของผู้ต้องหาทำหน้าที่ถ่ายภาพเคลื่อนไหวบันทึกไว้ ขณะที่นายศุทธวีร์กำลังพ่นสีอยู่นั้น ตำรวจจึงได้เข้าจับกุมและควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางกระป๋องสีสเปรย์ ส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวังดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนคนอื่นหลบหนีไปได้ เหตุเกิดที่ กำแพงรั้วพระบรมมาราชวังอฝั่งถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
โดยช่วงเช้าวันนี้ นายศุทธวีร์ จำเลยและทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษา
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 14,32 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 4,12,36 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ มาตรา 4 32 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทลงโทษที่หนักที่สุด ฐานทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถานและขูด ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือ รูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่ติดถนนหรือที่สาธารณะ ให้จำคุก นายศุทธวีร์ จำเลย 1 ปี แต่คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ริบกระป๋องสีสเปรย์ของกลาง จำนวน 2 กระป๋อง ข้อหาอื่นให้ยก