ทนายอัจฉริยะยื่น ปปป.สอบ ปธ.ป.ป.ช.ส่อรับสำนวนคดี 'บิ๊กโจ๊ก' เอี่ยวเว็บพนันโดยมิชอบ ยืนยันมีดีลลับก่อนลงมติ เหตุเพราะมี ป.ป.ช. 2 รายไปทานข้าวกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลวันที่ 1 มี.ค. ก่อนลงมติวันที่ 5 มี.ค.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มี.ค. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรรม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นพพิณฑ์ แก้วอินไชย สว.(สอบสวน) กองกำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กก.3 บก.ปปป.) เพื่อนำเอกสารหลักฐาน เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมพวกรวม 4 คน
อัจฉริยะ กล่าวว่า การมาในวันนี้เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติ รับสำนวน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์มินนี่ ไว้พิจารณาเอง รวมถึงมีมติขอดึงสำนวนคดี พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 (รอง ผบก.สส.ภ.4) กับพวกรวม 8 คน ที่พนักงานสอบสวน ของ ป.ป.ช. ส่งสำนวนให้อัยการไปแล้ว กลับมาพิจารณาเอง เนื่องจากเห็นว่าทั้ง2 สำนวนมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับผู้ที่กระทำความผิดร่วมกัน
จึงมองว่าการมีมติ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. 4 ต่อ 1 ที่รับสำนวนพิจารณา มีดีลลับ โดยตนเองยืนยันว่ามีทั้ง หลักฐาน สามารถระบุ ชื่อร้านอาหารและจำนวนคนที่ไปทานอาหารกันที่ร้านในวันนั้นได้ ระหว่าง ป.ป.ช.2 ราย กับผู้ใหญ่ใน รัฐบาล ร้านอาหาร แห่งหนึ่ง เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา ก่อนจะมีมติ ในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม จึงทำให้การพิจารณาครั้งนี้ ซึ่งถ้าไม่เป็นความจริงให้ ป.ป.ช. ออกมาชี้แจ้ง ว่าไม่เป็นความจริง และถ้าตนเองโกหก ตนยินดีให้ ป.ป.ช. สามารถดำเนินคดีตนได้ ซึ่งเข้าข่ายความผิดมาตรา 157 และการที่ขอรับสำนวนสอบสวน เรื่องกล่าวหา พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย กับพวกมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 65 ที่ไม่สามารถไปเอาสำนวนคืนจากพนักงานอัยการได้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำนายอัจฉริยะ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาควบคู่พยานหลักฐาน ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป