'สาทิตย์ วงศ์หนองเตย' ประกาศลาออกพรรคประชาธิปัตย์ หลังอภิสิทธิ์ลาออก ชี้เหตุผลเพราะตอนนี้พรรคกลายเป็นระบบพรรคพวกแล้ว แจงตอนนี้คงยังไม่ไปไหน แต่ถอยเพื่อตั้งหลัก ดูทิศทางพรรคก่อน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศลาออกผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว
เนื้อหาเฟซบุ๊กมีใจความว่า
"คิดหนักมา 2 วัน แม้ยังยึดมั่นในอุดมการณ์แต่ในวันที่จิตวิญญาณประชาธิปัตย์มิอาจเปล่งประกาย หลังหารือทีมงานที่สู้ร่วมกันมากว่า 28 ปี จึงตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์……ด้วยรักและผูกพัน"
ทั้งนี้นายสาธิตได้เปิดเผยเหตุผลถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคระหว่างการประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ทึ่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเปิดมิติใหม่คือลาออก แต่ไม่ไปอยู่ที่ไหนหรือสังกัดพรรคการเมืองใด โดยให้เหตุผลว่าหากอยู่ก็จะเป็นที่หวาดระแวงของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งตนมองเหตุผลคือต้องการเปิดพื้นที่หรือเปิดทางให้กก.บห.ชุดนี้ทำงานโดยไม่ต้องหวาดระแวงในตัวเอง ส่วนการตัดสินใจของตนเกิดขึ้นหลังจากที่เห็นกระบวนการตั้งกก.บห.(กรรมการบริหาร) และมองว่ามันไปอย่างนี้ไม่ได้เพราะการเลือกตั้งในครั้งนี้มันแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา คือไม่ได้มีตัวแทนจากทุกกลุ่มที่เข้ามาจนกลายเป็นระบบพรรคพวก
“มันไม่ใช่จิตวิญญาณของพรรคประชาธิปัตย์ทึ่เคยเป็นหรือที่พวกเรารู้จักมาตลอด ผมจึงต้องลาออกมาก่อนเพื่อแสดงให้รู้ว่าเราต้องการจิตวิญญาณพรรคที่แท้จริง และชี้ให้เห็นว่าจิตวิญญาณแบบนี้มันไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจไปไหนหรือทำอะไร เพียงแต่เราออกมาเพื่อจะถอยมาตั้งหลัก และดูเหตุการณ์ว่าพรรคจะดำเนินการไปอย่างไรต่อไป”
เมื่อถามกรณีที่นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรค ระบุว่าหากรักพรรคจริงต้องอยู่พรรคต่อเพื่อช่วยกันฟื้นฟูพรรค นายสาทิตย์กล่าวว่า ขอย้อนกลับไปว่าหากรักพรรคจริงมันต้องไม่ทำแบบนี้มาตั้งแต่ต้น จะเห็นว่าคนที่ลาออกไปหลายคนใน2-3วันนี้ เป็นลูกหม้อของพรรคที่อยู่มายาวนานทั้งนั้น สำหรับตนเข้ามาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่เป็นยุวประชาธิปัตย์ตอนเรียนมหาวิทยาลัย และเป็นกรรมการบริหารพรรคสาขาตรังตั้งแต่อายุครบเกณฑ์ และมาลงสมัครสส.ตั้งแต่ปี 2538 ได้เป็นสส.ยาวนานตลอดมาถึงการเลือกตั้งครั้งที่แล้วทั้งหมด7 สมัยร่วม 28 ปี หากนับรวมๆแล้วตนอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มาถึง 40 กว่า ปี ซึ่งตนเชื่อว่าจะอีกหลายคนที่จะทยอยลามีตามมาอีกจำนวนมาก
“ผมขอฝากถึงคนที่อยู่กับพรรคต่อไปว่า ต้องตั้งคำถามให้หนักว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันเกิดจากอะไร ขออย่าไปโทษคนอื่นว่าเขาไม่รักพรรคหรือไม่ห่วงพรรค ไม่ยอมไม่เข้ามาช่วยกันฟื้นฟู มันต้องมองให้พ้นตัวเองออกไปว่าทำไมคนที่เขาอยู่กับพรรคมายาวนาน จึงพร้อมใจกันคิดแบบนี้ หากจะมองในมุมของตัวเองเท่านั้น หรือมองไม่ผ่านจุดนี้ได้ก็ยากที่จะฟื้นฟูพรรคขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ”นายสาทิตย์กล่าว
อ้างอิงข่าวจาก:ผู้จัดการออนไลน์