เปิดผลการศึกษาเบื้องต้นแผน Feeder เชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน พบเส้นทาง ‘เมืองใหม่อีอีซี - สถานีอู่ตะเภา’ ระยะทาง 20 กม.เหมาะสมที่สุด จ่อสรุปผลการศึกษาในลำดับต่อไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 20 กันยายน 2566 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.)ได้จัดการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 2 เพื่อสรุปผลคัดเลือกรูปแบบการพัฒนาโครงการ โครงการจ้างที่ปรึกษาศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นของระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมโยงกับการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินกับการพัฒนาเมืองใหม่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ณ ห้องสัมมนาหลักสิรินพลา ชั้น 1 โรงแรมสิรินพลา รีสอร์ท แอนท์ เรสเตอรองท์ อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง
@เคาะ ‘เมืองใหม่อีอีซี - อู่ตะเภา’ นำร่อง
สำหรับการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในครั้งที่ 2 ทาง สกพอ. และที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นำเสนอข้อมูลแนวเส้นทางและรูปแบบระบบขนส่งมวลชนรองของโครงการ โดยโครงการได้ศึกษาโครงข่ายให้มีการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างพื้นที่เมืองใหม่กับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน จำนวน 3 แนวเส้นทาง ได้แก่ แนวเส้นทางด้านเหนือ เมืองใหม่ อีอีซี – สถานีรถไฟความเร็วสูงศรีราชา ระยะทาง 50.8 กม., แนวเส้นทางด้านตะวันตก เมืองใหม่ อีอีซี – สถานีรถไฟความเร็วสูงพัทยา ระยะทาง 26.20 กม. และแนวเส้นทางด้านใต้ เมืองใหม่ อีอีซี – สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา ระยะทาง 21 กม.
ซึ่งจากผลการเปรียบเทียบความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ และผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (EIA) พบว่า แนวเส้นทางด้านใต้ เมืองใหม่ อีอีซี – สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา เป็นแนวเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด เพื่อนำมาเป็น “โครงการนำร่อง” สำหรับการศึกษาแนวเส้นทางและออกแบบรูปแบบแนวคิดเบื้องต้นของโครงการ
แนวเส้นทาง Feeder ทั้ง 3 เส้นทาง โดยเส้นทางที่ 1 คือสายสีน้ำเงิน, เส้นทางที่ 2 สายสีเชียว และเส้นทางที่ 3 สายสีเหลือง
ทั้งนี้ ที่ปรึกษาโครงการได้คัดเลือกแนวเส้นทาง สำหรับการออกแบบรูปแบบแนวคิดเบื้องต้น 4 แนวเส้นทาง ดังนี้
แนวเส้นทางที่ 1 จุดเริ่มต้นพื้นที่เมืองใหม่ อีอีซี ผ่านทางหลวงหมายเลข 331 -ทางหลวงหมายเลย 332 - ทางหลวงหมายเลข 3 และไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา
แนวเส้นทางที่ 2 จุดเริ่มต้นพื้นที่เมืองใหม่ อีอีซี ผ่านทางหลวงหมายเลข 331 - มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ผ่านทางหลวงหมายเลข 3 และไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา
แนวเส้นทางที่ 3 จุดเริ่มต้นพื้นที่เมืองใหม่ อีอีซี ผ่านถนนตามแนวผังเมือง ญ.16 -ทางหลวงหมายเลข 3376 -ทางหลวงหมายเลข 3 และไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา
และแนวทางเลือกที่ 4 จุดเริ่มต้นพื้นที่เมืองใหม่ อีอีซี ผ่านถนนตามแนวผังเมือง ญ.16 - ทางหลวงหมายเลข 3 และไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา
ซึ่งจากการคัดเลือกแนวเส้นทาง พบว่า แนวเส้นทางที่ 2 มีความเหมาะสมมากที่สุด โดยแนวเส้นทางมีจุดเริ่มต้น บริเวณพื้นที่เมืองใหม่ อีอีซี จากนั้นจะเป็นทางยกระดับเหนือทางหลวงหมายเลข 331 (ใกล้กับสถานีตำรวจภูธรห้วยใหญ่) โดยทางยกระดับจะยาวต่อเนื่องประชิดเขตมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 (เขาชีจรรย์ เขาชีโอน) จากนั้นยกระดับข้ามทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) และไปจุดสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา ผ่านพื้นที่ 2 จังหวัด 3 อำเภอ จังหวัดชลบุรี อำเภอบางละมุง และ อำเภอสัตหีบ จังหวัดระยอง อำเภอบ้านฉาง รวมระยะทาง 20 กิโลเมตร
แนวเส้นทางนำร่อง
ส่วนการคัดเลือกรูปแบบระบบขนส่งมวลชนรองที่มีความเหมาะสมกับโครงการนำร่อง สามารถแบ่งได้ 2 กลุ่มหลัก ดังนี้
กลุ่มที่ 1 รถโดยสารที่วิ่งบนถนน โดยใช้พลังงานไฟฟ้า (Road - (Tire) based system) แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.ระบบรถไฟฟ้าล้อยาง บังคับด้วยมนุษย์ เช่น รถโดยสารทั่วไป (Conventional Bus) รถโดยสารด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit : BRT) และ 2.ระบบรถไฟฟ้าล้อยาง นำร่องและบังคับอัตโนมัติด้วยทางเสมือน (Rubber Tire Vehicle with Virtual Track) เช่น รถโดยสารอัตโนมัติ (Automated Rapid Transit : ART)
กลุ่มที่ 2 ระบบรางที่วิ่งบนทางเฉพาะ (Fixed guideway-based system) แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1.ระบบรถไฟฟ้าล้อเหล็ก (Conventional Rail-based) เช่น รถไฟฟ้าขนาดเบา/รถราง (Light Rail Transit : LRT/ Tram) รถรางบนทางรถไฟ (Tram-train)และ 2.ระบบรถไฟฟ้าร่วมสมัย (Contemporary Transit System) เช่น รถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) รถไฟฟ้าอัตโนมัติไร้คนขับ (Automated Guideway Transit : AGT / Automated People Mover : APM) หรือ รถไฟแม่เหล็กไฟฟ้า (Urban Maglev)
ทั้งนี้ จากการคัดเลือกรูปแบบระบบขนส่งมวลชนรองที่เหมาะสม พบว่า รูปแบบระบบราง มีความเหมาะสมที่สุด ในการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งหลังจากนี้ ที่ปรึกษาโครงการฯ จะนำรูปแบบระบบขนส่งมวลชนรองนี้มาออกแบบรูปแบบแนวคิดเบื้องต้นของโครงการนำร่องและจะนำเสนอผลสรุปในการประชุมครั้งต่อไป
ภายหลังการประชุมครั้งนี้ สกพอ.และที่ปรึกษาโครงการฯ จะรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมประชุม มาปรับใช้และพัฒนาโครงการให้มีความเหมาะสมกับประชาชนในพื้นที่โครงการให้มากที่สุดพร้อมทั้งจะดำเนินการจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อรับฟังความคิดเห็นและประชาสัมพันธ์รายละเอียดข้อมูลโครงการไปสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่โครงการได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป