‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ เผยม็อบทะลุวังบุกเพื่อไทยวานนี้ (7 ส.ค. 66) ไม่ควรกระทำ มีอะไรคุยกันดีๆ สะกิด ผบ.ตร. ให้ลูกน้อยทำงาน อย่ายืนเฉย ชี้อย่ามาไล่ล่ากัน แนะจะขอความร่วมมือใคร มาด่ากันคงไม่มีใครให้ ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ให้เปิดหน้าที่ ‘เพื่อไทย’ ไปจับขั้ว ให้ประชาธิปไตยได้ทำงาน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 8 สิงหาคม 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มทะลุวัง ขัดขวางการแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรค ภท. อีกทั้งขวางทางออกแกนนำพรรค ภท. มองเหตุการณ์นี้อย่างไรว่า ไม่ควรกระทำ ไม่พอใจอะไรกันก็ต้องพูดคุยด้วยเหตุและผล การใช้ถ้อยคำหยาบคายและไม่เหมาะสมกับผู้ที่อาวุโสกว่า ถือว่าขัดกับระบบประเพณีที่ดีงามของไทย ซึ่งสิ่งดีๆ เหล่านี้เราต้องรักษาไว้ เพราะเมืองไทยมีความเข้มแข็งอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ เพราะเรามีวินัยดี และการเคารพผู้ใหญ่ก็เป็นเอกลักษณ์ของเรา ถือเป็นซอฟต์เพาเวอร์
“เห็นหรือไม่ สำนวนสุภาษิต น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ ก็ต้องคุยกันดีๆ ซึ่งทุกคนมีอารมณ์ได้หมด อยู่ที่ว่าใครข่มอารมณ์ได้มากกว่ากัน” นายอนุทิน กล่าว
@ขอ ผบ.ตร. กำชับลูกน้อง อย่ายืนเฉย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินคดีทางกฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ เพราะมีการพลุสี และมีพฤติกรรมไล่ล่า โดยเฉพาะที่ทำกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ภท. นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ก็อย่าทำให้เกินกฎหมาย ตนอยากจะฝากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผานมา ตํารวจยืนเฉยเลย เวลามีการคุกคามอะไรแบบนี้ คงไม่ต้องรอไปแจ้งความ เพราะเขาบอกว่ายังไม่มีคนไปแจ้งความ เป็นไปไม่ได้ เพราะเราออกไม่ได้ จะไปแจ้งความยังไง และเราก็ไม่ต้องการไปแจ้งความ แต่เราต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความสงบ ไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น
เมื่อถามว่า ต้องกําชับไปยังพรรคก้าวไกล (ก.ก.) หรือไม่ เพราถูกมองว่าเป็นแนวร่วม นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าพรรคการเมืองคงไม่ต้องการให้ภาพเหล่านี้เกิดขึ้น ยิ่งถ้าบอกว่าเป็นแนวร่วม ก็ยิ่งจะทำให้เกิดการเข้าใจผิด ตนไม่อยากคิดไปถึงตรงนั้น แต่มองว่าทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ก็ต้องดูที่เหตุและผล รวมถึงขอบเขตของกฎหมาย
@โวยม็อบจะไล่ล่าทำไม
ต่อมาที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกรอบถึงกระแสข่าวที่จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาที่พรรคภูมิใจไทย โดยถามกลับว่า มาทำไม และไม่ต้องตามหา เพราะตนไม่ได้หลบซ่อนอะไร
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรหลังจากไปแถลงจับขั้วรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น สุดท้ายกลายเป็นเราถูกไล่ล่า นายอนุทินถามกลับว่า
“ทำไมต้องไล่ล่า ผมไปทำความผิดอะไรตรงไหน เราก็ทำงานให้กับบ้านเมืองด้วยกันทั้งนั้น ทุกคนมีสิทธิแสดงความเห็นส่วนตัว แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย เราต้องเคารพความคิดซึ่งกันและกัน ผมก็เคารพความคิดของเขา”
ส่วนเหตุการณ์วานนี้ที่เกิดขึ้นกับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มองอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า นายพิพัฒน์ ไม่ได้ถูกล้อม แต่เจ้าตัวคิดว่าอาจจะลงมาพูดคุย เพื่อทำความเข้าใจอะไรได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งนายพิพัฒน์ก็มีความอดทนสูง วางตัวเป็นผู้ใหญ่ได้ดี ไม่ได้ไปตอบโต้ ต่อล้อต่อเถียงอะไรจนเกินงาม
แฟ้มภาพจาก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
@ขอความช่วยเหลือใคร ไปด่าคงไม่ให้
เมื่อถามว่า การเดินทางและการรักษาความปลอดภัยหลังจากนี้ของนายอนุทิน และคนในพรรค จะมีการกำชับอะไรเพิ่มเติม นายอนุทิน ส่ายหน้า พร้อมระบุว่า นี่มันไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน บ้านเมืองมีความศิวิไลซ์ มีกฎหมาย ส่วนตัวยังเชื่อมั่นในความปลอดภัยของพวกเราภายใต้กฎหมาย พรรคเราไม่ได้ไปทำอะไรที่ทำร้ายบ้านเมือง ไม่ได้ขี้โกง ไม่ได้ไปทำให้เกิดความแตกแยกในประเทศ ตรงกันข้ามพยายามที่จะหาทางทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ทุกคนก็มีความคิดเห็น แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย พวกตนไม่ได้เห็นชอบกับการกระทำในสิ่งเหล่านี้ แต่ก็ต้องเคารพน้องๆ ที่ตัดสินใจทำ พฤติกรรมเช่นนี้ ทำกิริยาเช่นนี้ก็ต้องเข้าใจว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีความไม่พอใจอะไร แต่ต้องพูดกันด้วยความเป็นวิญญูชน พร้อมยกตัวอย่าง จะไปขอให้ใครทำอะไรให้ แล้วเริ่มต้นด้วยการด่าทอ แล้วจะได้ความร่วมมือได้อย่างไร
@ให้สิทธิ์ ‘เพื่อไทย’ เลือกจับขั้ว
ส่วนการจับขั้วรัฐบาลกับพรรคอื่น พรรคภูมิใจไทยให้สิทธิพรรคเพื่อไทยเป็นคนจัดการ หรือต้องมีการปรึกษาหารือกันก่อน นายอนุทิน ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ถูกเชิญเข้าไปร่วม จัดตั้งรัฐบาล เพราะฉะนั้นการตัดสินใจหรือจะนำพรรคอะไรต่างๆ เข้ามา ก็เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทางภูมิใจไทย บอกแล้วว่าเรารวมกับพรรคไหนไม่ได้ เมื่อบอกไปแล้วเขาก็ไม่ได้เอาเข้ามา เราก็ทำงานต่อไป
ส่วนการประชุมพรรคภูมิใจไทยวันนี้ จะมีการแจ้งให้สมาชิกพรรครับทราบถึงการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องแจ้งความเป็นไป เพราะลูกพรรคให้ฉันทานุมัติกับหัวหน้าพรรคไปพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ ในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อเรียบร้อยแล้ว พูดคุยแล้ว ก็ต้องกลับมารายงานให้สมาชิกได้ทราบ พร้อมย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยมีความเหนียวแน่นเป็นไปในทิศทางเดียวกันตลอด เปิดกว้าง แต่ทุกอย่างต้องจบในพรรค และภาพลักษณ์ที่ต้องไปดำเนินการอะไร ก็เป็นฉันทานุมัติของพรรค
@ให้ประชาธิปไตยทำงาน
ส่วนถ้าหลังจากนี้จะมีการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วอีกอาจมีกระแสที่รุนแรงกว่าเเิมนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ขอให้ทุกคนอยู่ในขอบเขตกฎหมาย พูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ถ้าเกิดพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วบอกว่า ไม่เอาไม่พอใจ ชวน ส.ส. ไปปิดพรรคคนโน้นคนนี้ ก็คงไม่ทำ ทุกอย่างอยู่ในรูปแบบของระบอบประชาธิปไตย ก็ขอให้ระบอบประชาธิปไตยได้ทำงาน ทุกอย่างยังมีเสียงข้างมาก ถ้าไม่มีเสียงข้างมากก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะภูมิใจไทยบอกชัดเจนแล้วว่าจะไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่ง ไม่ไปให้ความร่วมมือใครด้วย ไม่จัดเองด้วย
ดังนั้น ความที่จะไม่เป็นประชาธิปไตยจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เมื่อเป็นประชาธิปไตยมีเสียงข้างมากแล้วก็เป็นไปตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับต่างๆ ถือว่าเราไม่ได้ทำอะไรที่ผิด ทำนองครองธรรม และพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้เป็นคนจัดรัฐบาล เพราะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีแล้ว ก็คือ พรรคเพื่อไทย เมื่อทางนั้นติดต่อมาขอให้ไปพูดคุย รับเงื่อนไขกันได้ ก็ต้องสนับสนุน ทางเพื่อไทยต้องสนับสนุนพรรคเราในเรื่องนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนต่อบ้านเมือง ก็จบกันตรงนี้ได้ ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นพันธมิตรกัน ร่วมมือกัน และพยายามทำให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่วันนี้เจอกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ท่านก็ให้กำลังใจ
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์