ศาลฎีกาพิพากษายืนโทษประหารชีวิต 'ประสิทธิชัย เขาแก้ว' อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาคดีฆ่า 3 ศพ ชิงทองห้างดังจ.ลพบุรี ชี้พฤติการณ์อุกอาจโหดเหี้ยมอันตรายร้ายแรงผิดมนุษย์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2566 Thai PBS รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี อดีต ผอ.กอล์ฟ ฆ่าชิงทองที่จังหวัดลพบุรี โดยศาลฎีกาพิพากษายืนโทษประหารชีวิต เนื่องจาก นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ อายุ 41 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี มีพฤติการณ์อุกอาจโหดเหี้ยมอันตรายร้ายแรงผิดมนุษย์ เป็นถึง ผอ.โรงเรียน ควรมีจิตสำนึกที่ดี ให้สมกับมีอาชีพเป็นครู ควรประพฤติตัวให้เป็นเยี่ยงอย่าง กลับกระทำอย่างอุกฉกรรจ์ ทั้งการที่นายประสิทธิชัยขอปรานีให้ลดโทษจึงไม่มีเหตุสมควร ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษประหารชีวิตนายประสิทธิชัย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกานายประสิทธิชัยฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน มีรายละเอียด ดังนี้
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีฆ่าชิงทองในห้างสรรพสินค้า หมายเลขดำ อ.300/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 และบริษัท ออโรร่า ดีไซน์ และผู้เสียหายอีก 10 คน ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ อายุ 41 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นฯ, พยายามฆ่าผู้อื่นฯ, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน กรณีเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2563 จำเลยได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนฆ่าชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่าในห้างสรรพสินค้า จ.ลพบุรี
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ส.ค.2564 ว่า จำเลยมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (6) ประกอบมาตรา 60, 289 (6) ประกอบมาตรา 80, 289 (7), 339 วรรคสอง วรรคสี่ และวรรคท้าย ประกอบมาตรา 340 ตรี, 371, 376, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่างกรรมให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 8 เดือน ฐานมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอง จำคุก 6 เดือน, ฐานพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร จำคุก 3 ปี, ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพิ่มความสะดวกในการจะกระทำผิดให้ประหารชีวิต, ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุกตลอดชีวิต, ฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีและใช้อาวุธปืนและโดยใช้ยานพาหนะ ให้ประหารชีวิต
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ปรับเงิน 1,000 บาท ริบของกลาง รวมทั้งให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บรรดาโจทก์ร่วมที่ 1 จำนวน 180,000 บาท, ที่ 2 จำนวน 99,000 บาท, ที่ 3 จำนวน 130,000 บาท, ที่ 4 จำนวน 2,200,000 บาท, ที่ 5 จำนวน 750,000 บาท ที่ 6, 7 และ 8 จำนวน 2,250,000 บาท, ที่ 9 และ 10 จำนวน 750,000 บาท
ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยเห็นว่า ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะสมควรใช้ดุลยพินิจลดโทษให้แก่จำเลย ที่ศาลชั้นต้นให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยโดยไม่ลดโทษให้ ย่อมเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว
จำเลยยื่นฎีกาขอให้ศาลลดโทษ โดยวันนี้ (26 เม.ย.) ศาลเบิกตัวจำเลยมาจากเรือนจำ ซึ่งก่อนที่ศาลจะอ่านพิพากษา นายประสิทธิชัยมีโอกาสพูดคุยกับพ่อและแม่สั้น ๆ โดยบ่นว่า แว่นสายตาที่ใช้อยู่ สภาพไม่ทนทานอยากเปลี่ยนแว่นใหม่ ขณะที่ผู้สื่อข่าวก็ได้สอบถามว่า ในเรือนจำทำอะไรบ้าง นายประสิทธิชัย กล่าวว่า สอนหนังสือให้เด็กครับ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า จำเลยฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงขอให้ลดโทษ โดยอ้างเหตุผลประกอบ ศาลเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยกระทำอย่างอุกอาจ ในห้างสรรพสินค้าอันเป็นที่สาธารณะ กระทำต่อผู้บริสุทธิ์มีคนเสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บสาหัส 1 คน รวมถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย อันเป็นพฤติการณ์อุกอาจโหดเหี้ยมอันตรายร้ายแรงผิดมนุษย์ จำเลยเป็นถึง ผอ.โรงเรียน ควรมีจิตสำนึกที่ดี ให้สมกับมีอาชีพเป็นครู ควรประพฤติตัวให้เป็นเยี่ยงอย่าง กลับกระทำอย่างอุกฉกรรจ์ ที่จำเลยขอปรานีให้ลดโทษจึงไม่มีเหตุสมควร ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน
หมายเหตุ: ภาพจาก ไทยรัฐออนไลน์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลตัดสินประหารชีวิต ผอ.กอล์ฟ คดีฆ่าชิงทองลพบุรี ชี้ภัยร้ายแรงคุกคามสังคม