‘เพื่อไทย’ ลงใต้บุก ‘ภูเก็ต’ อ้อนขอให้ไว้วางใจเลือก ‘อุ๊งอิ๊ง’ ประกาศพร้อมฟื้นภูเก็ตโตอีก 4 เท่า ‘เศรษฐา’ บอกเล็งปั้นให้มีศักยภาพทัดเทียมเมืองในยุโรป ขณะที่ ‘วิสุทธิ์-จาตุรนต์-ณัฐวุฒิ’ เผยเลือกเพื่อไทยพร้อมจัดเต็มให้ และเป็นการปลดแอกประเทศจาก ‘ประยุทธ์’
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 25 เมษายน 2566 พรรคเพื่อไทยเปิดเวทีปราศรัย คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน เพื่อชาวภูเก็ต ณ อาคารยิมเนเซียม (สะพานหิน) อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต โดยมีประชาชนเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่ยิมเนเซียมเกือบ 3,000 คน
เวทีปราศรัยเริ่มต้นที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวทักทายชาวภูเก็ตเป็นภาษาใต้ โดยขอฝากประชาชนชาวใต้ไว้วางใจเลือกเพื่อไทยเป็นตัวแทนชาวใต้แก้ไขวิกฤติปากท้อง พัฒนาศักยภาพภูเก็ตให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ
นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อไปว่า พรรคเพื่อไทยทราบดีว่าจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาใหญ่สำหรับการท่องเที่ยว รายได้ของพี่น้องประชาชนหดหาย และยังคงไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มรูปแบบ พรรคเพื่อไทยจึงเตรียมพร้อมพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโตได้มากกว่า 4 เท่าภายใน 4 ปี คืนความมั่งคั่งให้ชาวภูเก็ต
และยังได้ฝากพี่น้องชาวภูเก็ตเป็นแรงสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ให้เอาชนะส.ว. ในสภา เพื่อจัดตั้งรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย ไม่ให้ซ้ำรอยเลือกตั้ง 2562 อย่าลืมเลือกพรรคเพื่อไทยเบอร์ 29 และเลือกส.ส.เขตจากพรรคเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์ทั้งภูเก็ต
@เศรษฐา: ปั้นภูเก็ตทัดเทียมยุโรป
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ได้ลงพื้นที่ภาคใต้ รู้สึกปลื้มปิติมากที่พี่น้องประชาชนให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่นเต็มพื้นที่โรงยิมแห่งนี้ ส่วนตัวแล้วผูกพันกับภูเก็ต ตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และซึมซับถึงวัฒนธรรมชาวภูเก็ต
"วันนี้พรรคเพื่อไทยมาเต็มทีม เพราะภาคใต้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ที่สร้างรายได้ให้ประเทศไทยนับแสนล้านบาทต่อปี ซึ่งทุกคนล้วนเป็นกลจักรสำคัญในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม จังหวัดภูเก็ตยังสามารถเติบโตได้อีกมาก ทั้งในแง่การท่องเที่ยว ที่ควรขยายสนามบิน ถนนหนทาง รองรับนักท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวอยากจะมาใช้ชีวิตที่ภูเก็ต รวมถึงการสร้างถนน การเจาะภูเขามาป่าตองเพื่อลดอุบัติเหตุ การสร้างรถไฟฟ้านำความเจริญด้านคมนาคม เป็นเรื่องใหญ่ที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญถ้าหากเราได้เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ" นายเศรษฐาระบุ
และพรรคเพื่อไทยจะยกระดับภูเก็ตเป็นจุดมุ่งหมายระดับโลก เช่นเดียวกับเมืองโมนาโค เมืองมิโคนอส ประเทศกรีซ และหลายๆ เมืองที่เจริญแล้วในยุโรป พัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้พี่น้องได้อยู่สบาย ทำให้เมืองภูเก็ตเป็นเมืองที่พระอาทิตย์ไม่ตกดิน เปิดสถานที่ท่องเที่ยวได้ 24 ชั่วโมง พร้อมจัดสรรตำรวจดูแลความปลอดภัยเพิ่มอีกเท่าตัว
นอกจากนี้ นายเศรษฐายังได้เน้นน้ำนโยบายของพรรคเพื่อไทย ทั้งการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน การจัดสำรวจครัวเรือนและเติมเงินให้ทุกครอบครัวถึง 20,000 บาททุกเดือน กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทสำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป พร้อมยกระดับการปราบปรามยาเสพติด จับกุมผู้ผลิตและผู้ค้า ทำให้กลไกการยึดทรัพย์ผู้กระทำผิดรวดเร็วฉับไวขึ้น ตัดต้นตอการผลิต ไม่ทำให้ลูกหลานต้องกลับไปเสพยาอีก
“วันนี้มาขอโอกาสให้กับผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดภูเก็ต พรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 คน ผมเข้าใจดีว่าท่านอาจผูกพันกับบางพรรคการเมืองมายาวนาน แต่ครั้งนี้ขอให้เลือกผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดภูเก็ต พรรคเพื่อไทย ได้เข้าไปช่วยผลักดันให้ภูเก็ตไปถึงศักยภาพที่จังหวัดนี้สามารถไปได้ รัฐบาลเพื่อไทยจะถือธงนำประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ขอโอกาสให้พรรคเพื่อไทยได้รับใช้คนภูเก็ต ติดอาวุธให้จังหวัดภูเก็ตเดินไปข้างหน้า นำความสุขมาให้พี่น้องชาวภูเก็ตทุกคน” นายเศรษฐากล่าว
@เพื่อไทยเป็นรัฐบาล พร้อมจัดเต็มให้คนภูเก็ต
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มั่นใจว่าภูเก็ตจะเปลี่ยนแปลงถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โดยจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ต้องเสียภาษีอันดับต้นๆของประเทศไทย แต่รัฐบาลที่บริหารมา 8 ปี กลับทำให้เกษตรกร ชาวประมงและผู้ประกอบการการท่องเที่ยวต่างได้รับความเดือดร้อน ทำให้ความยากจนเกิดขึ้นทั้งภูเก็ต และตอกย้ำความเดือดร้อนด้วยค่าครองชีพที่แสนแพง
ทั้งนี้จากการที่ตนได้พบปะพี่น้องผู้ประกอบการการท่องเที่ยวพบว่า ไม่มีมาตรการสำหรับการดูแลปัญหาต่างๆของผู้ประกอบการ รายได้พี่น้องเกษตรกรยางพาราลดลงจากสมัยก่อน อยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท ปัจจุบัน 4 กิโลกรัม อยู่ที่ 100 บาทเท่านั้น ถนนคับแคบทำให้จราจรติดขัด ทั้งหมดนี้คือปัญหาของรัฐบาลที่ไม่เคยคิดจะแก้
นายวิสุทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมคิดใหญ่ทำเป็น และจัดใหญ่จัดเต็มให้พี่น้องชาวภูเก็ต การเลือกพรรคเพื่อไทยนั้น ต้องเลือกทั้งคนทั้งพรรค แล้วเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลเพื่อแก้ไขความยากจนของพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ต และขอชวนเชิญให้ชาวภูเก็ต ในวันที่ 14 พฤษภาคม ไปลาออกจากความยกจนโดยการเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค
@8 ปีประยุทธ์ ไม่ช่วยอะไรคนภูเก็ตเลย
ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียงมีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับประมง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจปีละหลายหมื่นล้านบาทต่อปี จึงเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องส่งเสริมพัฒนาเพื่อให้พี่น้องชาวภูเก็ตซึ่งเป็นผู้เสียภาษีให้รัฐบาลได้อยู่ดีกินดี แต่ในช่วง 8 ปีภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์กลับปล่อยปละละเลยพี่น้องให้ผจญสถานการณ์โควิดโดยลำพัง ปล่อยให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในจังหวัดทั้งโฮสเทลโรงแรมขนาดเล็กต้องจมอยู่กับปัญหาเรื่องกฎหมายจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน
พรรคเพื่อไทยมองว่าไม่ใช่เรื่องยาก เราเชื่อว่าทั้งปัญหาประมงและท่องเที่ยวจะสามารถแก้ไขได้ด้วยการกระจายอำนาจให้จังหวัดจัดการตนเอง ให้ภูเก็ตสามารถเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นของตัวเอง เมื่อภูเก็ตมีความพร้อมเลือกตั้งได้ผู้ว่าราชการจังหวัด จะสามารถประสานส่วนกลางคือรัฐบาล ช่วยจัดการแก้ไขปัญหาสาธารณูปโภคของภูเก็ตให้เป็นระบบ ยกร่างแก้ไขกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ สามารถลงทุนระบบขนส่งสาธารณะให้มีประสิทธิภาพต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการเดินทางได้สะดวกมากขึ้น และทั้งหมดจะเป็นการส่งเสริมให้เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตเติบโตขึ้นมาได้เหมือนแต่ก่อนอีกครั้ง
@เลือกเพื่อไทย ปลดแอก 9 ปี ประยุทธ์
ปิดท้ายที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยกับพี่น้องภูเก็ต เป็นภาษาใต้ว่า วันนี้มาสารภาพกับพี่น้องตรงๆ ว่าเบื่อหน่ายกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างมาก เพราะเห็นพลเอกประยุทธ์มาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเดือนหน้าจะครบ 9 ปีแล้ว พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ถืออำนาจมาตรา 44 มีแต้มต่อเหนือพรรคการเมืองนักการเมืองทุกคนในประวัติศาสตร์ คุมกองทัพหน่วยงานต่างๆ เบ็ดเสร็จในมือ แบบไม่เคยมีพรรคการเมืองไหนเคยมีมาก่อน โดยมีข้ออ้างว่าจะเข้ามาปัดกวาดปฏิรูปการเมืองไทยให้สะอาด ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
แต่ที่ผ่านมา เห็นแต่การทุจริตเกลื่อนเมืองไปหมด และเมื่อพลเอกประยุทธ์ มาลงเลือกตั้งเอง ประกาศนโยบายเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แจกนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาทต่อวัน ผ่านไป 4 ปี ก็ลบนโยบายตัวเองทิ้ง พอจะเลือกตั้งใหม่ก็ประกาศย้ายพรรคหนี ตั้งพรรคใหม่เป็นพรรครวมไทยสร้างชาติพรรคเพื่อไทยลงสนามเลือกตั้งครั้งนี้แบกน้ำหนักไว้เพราะเขามีเสียง ส.ว.รอแล้ว 250 คน
ขณะที่พรรคเพื่อไทยเริ่มต้นที่ 0 เสียง ตอนนี้เพื่อไทยมั่นใจว่าได้คะแนนเสียงถึง 250 แต่เราจะตั้งนายกฯ ได้หรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องมีเสียงให้ถึง 375 เสียงขึ้นไป
“เพื่อไทยมาขอร้องพี่น้อง เลือกเพื่อไทยเพื่อให้บ้านเมืองหลุดจากพลเอกประยุทธ์เสียที เราไม่ได้มามือเปล่า แต่เรามาพร้อมกับนโยบายใหม่ๆ มากมาย เราเป็นพรรคการเมืองเดียวที่เดินหน้าด้วยนโยบาย ที่แก้ปัญหาให้พี่น้องได้จริง นโยบายดีๆ พรรคไหนก็แหล่งได้ แต่ที่ทำได้คือพรรคเพื่อไทย” นายณัฐวุฒิ กล่าว