รวบตัวแล้ว ผู้ต้องสงสัย วางยา 'ไซยาไนด์'เ หยื่อ เสียชีวิตถึง 10 รายแล้ว ผบ.ตร.มอบ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ดูแลคดี เผยเบื้องต้นผู้ต้องสงสัยยังปฏิเสธ เล็งสอบต่อ 26 เม.ย. ก่อนนัดหารือเจ้าหน้าที่ 28 เม.ย. เจ้าตัวรับเป็นคดีที่ท้าทาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 เม.ย. พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจกองปราบปราม (ผบช.ก. ) นำกำลังจับกุม นางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ แอม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1285/2566 ลงวันที่ 25 เม.ย. 2566 ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” พร้อมของกลาง ขวดไซยาไนด์ 1 ขวด ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่เชื่อได้ว่า น.ส.สรารัตน์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร จริง โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นางสรารัตน์ ได้ที่ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กทม.ก่อนที่จะนำตัวมาให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำการสอบสวน
โดยการสอบสวนใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ ก่อนที่ตำรวจกองปราบฯ จะคุมตัวไปสอบสวนต่อที่กองบังคับการปราบปราม โดยระหว่างที่คุมตัวนั้น นางสรารัตน์ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องคอยกันสื่อมวลชนให้ออกห่างจากตัวนางสรารัตน์ เพราะอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิวินวิน เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หลังพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องกับพยานหลักฐาน กรณีการเสียชีวิตของ ร.ต.อ.หญิง กานดา โตไร่ ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี โดยพบว่า กล้องหน้ารถ สมาร์ตวอท ไอแพด และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตหายไป หลังจากพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน คืนทรัพย์สินดังกล่าวให้กับทางญาติผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้จากแนวทางสืบสวนเจ้าหน้าเชื่อว่า นางสรารัตน์ น่าจะเป็นผู้นำ สารไซยาไนด์( Cyanide ) ซึ่งเป็นสารเคมีอันตราย ผสมใส่อาหารให้ผู้ตายรับประทาน เพื่อหวังลักทรัพย์สินมีค่าต่างๆของผู้ตาย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างนำตัวมาสอบปากคำยังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
ชุดสืบสวนเชื่อว่า นางสรารัตน์ เกี่ยวพันกับเหยื่อที่ตายในลักษณะเดียวกัน ระหว่างเดินทางไปกับตนเองอีกหลายศพ ขณะนี้กำลังอยู่นะหว่างการสืบสวนและหาหลักฐาน เบื้องต้นจึงดำเนินคดีไว้ก่อน 1 คดี
ทางด้านของพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบว่ามีเหยื่ออย่างน้อย 7-9 รายที่เดินทางไปกับตัวผู้ต้องหาแล้วเสียชีวิตขณะที่อยู่ด้วยกัน หรือเสียชีวิตหลังจากหมดสติและนำส่งโรงพยาบาล ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพิสูจน์ทราบการตายของผู้เสียชีวิตแต่ละราย อย่างไรก็ตามในจำนวนนี้มีตำรวจหญิงเสียชีวิตด้วย 2 นาย หนึ่งในนั้นเป็นนายตำรวจระดับสารวัตรผู้ใต้บังคับบัญชาของตนสังกัดฝ่ายอำนวยการ บช.ก. ด้วย ซึ่งหลังการตายมีทรัพย์สินหายไปราว 1.4 แสนบาท ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนเช่นเดียวกันว่าเสียชีวิตจากฝีมือผู้ต้องหาด้วยหรือไม่ ส่วนสามีที่เป็นตำรวจของผู้ต้องหาจะรู้เห็นกับการกระทำผิดของภรรยาหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังสอบสวนไม่พบ
ด้าน พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวว่า ขณะนี้รู้ชื่อบุคคลที่เสียชีวิตที่กำลังพิสูจน์ทราบครบแล้ว ขั้นตอนต่อจากนี้ได้ให้ชุดสืบสวนสอบสวนประสานงานกับกองพิสูจน์หลักฐานกลาง และโรงพยาบาลตำรวจ ในการแสวงหาหลักฐานต่างๆเพื่อพิสูจน์ความเชื่อมโยง หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมรายอื่นๆด้วยก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามกำลังจะแจ้งข้อหาอื่นๆกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมด้วย เช่น ข้อหาชิงทรัพย์ เป็นต้น เพราะการกระทำประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้ตาย
“ผู้ต้องหารายนี้เป็นฆาตกรที่หวังทรัพย์สินของผู้ตาย หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการตายของรายอื่นๆด้วย ก็ถือว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องด้วย” พล.ต.ต.มนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเวลาเดียวกัน สามีและลูกสาว(ขอสงวนนาม) ของ นางกะณิกา หรือเอ๊ะ ตุลาเดชารักษ์ อายุ 44 ปี ที่เสียชีวิตมีลักษณะคล้ายกับกรณีการตายของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย อายุ 32 ปี เท้าแชร์ ชาว จ.กาญจนบุรี ที่เป็นลมวูบเสียชีวิตเป็นปริศนาขณะเดินทางไปทำบุญปล่อยปลากับเพื่อนสนิทที่ริมท่าน้ำแม่น้ำแม่กลอง พื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยครอบครัวของนางกรรณิการ์ได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
ลูกสาวของผู้เสียชีวิตเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ก.ย.65 แม่ขับรถออกไปจากบ้านที่ กทม. ก่อนไปนัดเจอกันกับ น.ส.แอม ที่ จ.ราชบุรี และได้เปลี่ยนรถกัน ซึ่งแม่มานั่งรถของ น.ส.อ แล้วก็ไปเป็นลมเสียชีวิตอยู่ที่ปั๊ม ปตท. โพธาราม
โดยเท่าที่ทราบข้อมูล แม่รู้จักกับ น.ส.แอม ผ่านทางเฟซบุ๊ก ได้ราว 3 เดือน ส่วนใหญ่จะพูดคุยกันเรื่องปัญหาชีวิต ดูดวง แก้กรรม และทำบุญกัน จนเกิดความไว้ใจ แต่ในวันเกิดเหตุแม่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน แค่บอกเพียงว่า “เดี๋ยวออกไปข้างนอก กลับตอนเย็น” กระทั่งมาทราบว่าแม่เป็นลมวูบไปที่ปั๊มแล้วเสียชีวิต หมอได้ชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของแม่ว่ามาจาก “มีเลือดออกในสมอง” ส่วนข้อเท็จจริง คือ เป็นลมแล้ววูบไป ประกอบกับม่านตาไม่ตอบสนอง
ในวันเกิดเหตุ น.ส.แอม อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร ทำเพียงแค่ยืนรอรถพยาบาลที่ตอนนั้นมาช้าไป 30 นาทีแล้ว หลังเกิดเรื่อง น.ส.แอม ไม่เคยมาพูดคุยกับทางครอบครัวอย่างเป็นทางการ มีเพียงพูดคุยกับพ่อและน้า แต่ไม่ได้เล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บอกแค่ว่า “เห็นแม่เป็นลม” รวมถึงยังพยายามและย้ำถึงการแสดงตัวตนว่า “เป็นภรรยาตำรวจยศใหญ่”
ส่วนทรัพย์สินที่หายไปและยังไม่ได้คืนกลับมา ได้แก่ โทรศัพท์ 1 เครื่อง , เงินจำนวนหนึ่ง และทองหลายบาท เนื่องจากเห็นภาพสุดท้ายของแม่มีทรัพย์สินจำนวนมาก ที่ผ่านมาได้พยายามสอบถามไปยัง น.ส.แอม แล้ว แต่ติดต่อไม่ได้และสุดท้ายก็เงียบหายไป ที่สำคัญที่สุดในช่วงงานศพ น.ส.แอม ไม่เคยมาร่วมงานและไม่เคยมารถน้ำศพแม่เลย ขอยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวและเพิ่งไปเที่ยวด้วยกันมากับครอบครัวด้วย
ก่อนหน้านี้ทางครอบครัวยอมรับว่า ไม่ได้สงสัย เพราะยังช็อกกับการสูญเสียของแม่ แต่พอเรื่องผ่านไปและล่าสุดได้เห็นข่าว เลยย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ผิดปกติ เพราะหลายเคสส่วนใหญ่วูบแล้วก็เสียชีวิตเหมือนกัน รวมถึงทรัพย์สินยังหายไปด้วย หลังเกิดเหตุไม่ได้ไปแจ้งความ แต่สาเหตุที่มาวันนี้อยากได้รับความเป็นธรรมและอยากให้ความจริงกระจ่าง ส่วนเรื่องธุรกิจหรือการยืมเงินหรือการเล่นแชร์จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ยังไม่แน่ชัดและขอให้รายละเอียดอยู่ในสำนวน
ต่อมา พลล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยถึงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร ว่า คดีนี้มีผู้เสียหายไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม โดยตนได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รับผิดชอบดูแลคดีนี้ เพราะเกี่ยวพันกับคดีในอดีตที่ผ่านมา ทราบว่าขณะนี้ทางกองปราบได้ขอหมายจับและจับกุมตัวได้แล้ว
ทั้งนี้พลล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รวบรวมคดีในอดีตที่เกี่ยวเนื่องกันหลายคดี จึงให้ขยายผลและดำเนินการสอบสวน เพราะเชื่อว่าเกี่ยวพันกับคดีเดิม มีแผนประทุษกรรมแบบเดิม เชื่อว่าผู้ต้องหาคนเดียวกันจะดำเนินการขยายผลไปถึงทุกคดี โดยคดีหลักจะเป็นคดีในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ส่วนในรายละเอียดมีพฤติกรรมที่จะฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งอำพรางโดยใช้สารพิษไซยาไนด์
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ จะต้องดูรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ซึ่งขณะนี้มีคดีหลักแล้ว ส่วนคดีต่างๆ จะหาหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป ส่วนมูลเหตุน่าจะเกิดจากเรื่องหนี้สินเป็นหลัก
ส่วนจะต้องเชิญสามีที่เป็นตำรวจมาสอบปากคำด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการสอบสวนใครเกี่ยวข้อง อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อทางรูปคดีเราจะต้องนำมาสอบให้หมด ขณะนี้มีผู้กระทำผิดเพียงคนเดียว
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.จิรภพ อยู่ ทราบว่าได้ออกหมายจับและจับกุมตัวแล้ว ซึ่งทางผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ตนดูคดีนี้ โดยเมื่อวานนี้ได้ไล่คดีแล้ว พบว่ามีทั้งหมด 7 คดี รวมพื้นที่บ้านโป่ง โดยจะต้องไล่ความเชื่อมโยงอีก 6 คดี ซึ่งสามารถติดต่อพ่อแม่ผู้เสียชีวิตได้ 5 ราย โดยพ่อแม่รอตนอยู่ที่สโมสรตำรวจ ซึ่งตนได้มอบหมายให้ทีมสอบสวนทำการสอบปากคำอยู่ บางรายพ่อแม่นึกว่าลูกเขาตายเอง เขาไม่ทราบว่าถูกวางยา เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้แจ้งความ วันนี้จะต้องทำความจริงให้ปรากฏ
“โชคดีที่รายสุดท้ายได้มาร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปรามและมาร้องทุกข์กับผม ทั้งนี้จะช่วยกันทำงานให้รวดเร็วโดยจะต้องไปไล่พยานหลักฐานย้อนหลังทั้งหมด”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวและกล่าวต่อว่าในวันนี้ได้เรียกตำรวจ 3 พื้นที่คือจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดราชบุรี ทั้งหมด 6 คดี ซึ่งจะต้องมาไล่ดูพยานหลักฐานความเชื่อมโยงทั้งหมด เพราะบางรายเกิดมาปีกว่าแล้ว ไม่รู้จะเหลือหลักฐานอะไรอยู่บ้าง ในระยะเวลา 2 ปี พบมีผู้เสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน 7 ศพ ทั้งนี้ระยะเวลาของเหตุที่เกิดขึ้นแต่ละคดีอาจเป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนเพราะบางรายไม่ได้มาแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานก็ไม่ได้ตรวจที่เกิดเหตุ การเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุก็ไม่มี ซึ่งวันนี้จะต้องมาตรวจย้อนดูใหม่ เป็นความยากแต่ได้สั่งการให้ทีมไล่ตรวจสอบตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้ว ใน 7 คดีพบผู้เสียชีวิตในลักษณะเดียวกันเป็นตำรวจ 2 ราย ที่เหลือเป็นชาวบ้านทั้งหมด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ตนมองว่ารายสุดท้ายผ่าศพพบไซยาไนด์ แสดงว่าก็ต้องให้กิน ส่วนวิธีการคงไม่ได้แยบยลอะไรมาก เดี๋ยวก็ต้องไล่ตรวจสอบจนพบ ส่วนวัตถุประสงค์ในการก่อเหตุหลักๆ เป็นเรื่องทรัพย์ และจะต้องตรวจสอบเรื่องทางจิตด้วย แต่อย่าไปตีความว่าเขาเป็นโรคจิต ไม่ใช่ เดี๋ยวจะเป็นเหตุแห่งการยกเว้นคดี และจะต้องตรวจสอบดูว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องหรือไม่ และจะต้องทำความจริงให้ปรากฎ เพราะเป็นคดีที่ท้าทาย เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับแวดวงตำรวจ และพักอาศัยอยู่บริเวณแฟลตตำรวจ
โดยเวลา 14.20 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีล่าสุดว่ามีคดีที่มีลักษณะคล้ายกันถึง 7 คดี มีผู้เสียชีวิตถึง 9 คน โดยคดีที่ทางตำรวจสอบสวนกลางขออนุมัติศาลออกหมายจับเป็นคดีที่เกิดขึ้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จึงเหลืออีก 6 คดี เพราะฉะนั้นวันนี้ตนจะร่วมประชุมพร้อมเจ้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจภูธรภาค 7 และเรียกตำรวจ 3 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่เกิด คือ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดราชบุรี เนื่องจากคดีนี้มีระยะเวลา ผ่านไปถึง 2 ปี ประเด็นสำคัญคือการ ไล่เลียงพยานหลักฐานความเชื่อมโยง เพื่อมัดตัวผู้กระทำความผิดให้ได้ การ ที่ศาลอนุมัติหมายจับได้ ในวันนี้ถือว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดผู้ต้องหา ส่วนผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธอย่างไรก็ได้ แต่ศาลไม่รับฟังอยู่แล้ว
ส่วนหลักฐานสำคัญ ที่นำไปสู่การอนุมัติหมายจับคือการผ่าพิสูจน์พบว่ามีสารไซยาไนในร่างกายของผู้ตาย และหลักฐานจากการตรวจที่เกิดเหตุพบขวดไซยาไนอยู่ที่หลังบ้าน ส่วนเหตุจุงใจในการก่อเหตุน่าจะเป็นเรื่องประสงค์ต่อทรัพย์สินของผู้ตาย แต่สิ่ง ที่เห็นได้ชัดเจน คือ ผู้ตายทั้งหมดเป็นคนที่อยู่แวดล้อมกับผู้ก่อเหตุทั้งหมด ที่อยู่ที่แฟตตำรวจและก็เป็นตำรวจ ตัวผู้ก่อเหตุจึงรู้ว่าเป้าหมายทำอะไรอยู่ และมีเงินหรือไม่มีเงิน อย่างไรเรื่องต้องดำเนินการให้ ถึงที่สุดว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดครั้งนี้หรือไม่ เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นการฆาตกรรมต่อเนื่อง วันนี้ญาติผู้ตายก็อยู่ที่นี่กับตนมีห้าราย ซึ่งน่าเห็นใจอย่าง เนื่องจากตอนแรกก็ ไม่ทราบว่าลูกเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไรคิดว่า เสียชีวิตจากสาเหตุธรรมชาติ
ที่ผ่านมาทางญาติไม่ได้ติดใจสาเหตุการณ์ตายจึงได้ไม่มี การไปแจ้งความ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เป็นห่วงเรื่องพยานหลักฐานมาก เนื่องจาก การจะเอาผิดคนร้ายได้ ต้องใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงต้องขอรวบรวมพยานหลักฐานอย่างระเอียดเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ทุกราย
รอง ผบ.ตร.กล่าวทิ้งท้ายว่าทั้งนี้ สาเหตุของการฆาตกรรมยังคงมุ่งไปที่ประเด็นต้องการล้างหนี้ และประสงค์เอาทรัพย์ โดยเจ้าตัวพูดคุยได้เหมือนคนปกติทั่วไป เบื้องต้นยังไม่พบอาการทางจิต เพราะยังรู้การกระทำของตัวเอง ซึ่งตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว และเชื่อว่าศาลจะอนุญาติตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวน เพราะพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติ โดยหลังจากนี้จะมีการนัดประชุมหารือในคดีนี้อีกครั้งในวันศุกร์ที่ 28 เมษายนนี้ เวลา 10.00 น.
เปิดรายชื่อคนตายเหยื่อ “แอม” วางยาลักทรัพย์
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 10 ราย ที่เชื่อว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากการกระทำของ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ แอม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1285/2566 ลงวันที่ 25 เม.ย. 2566 ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ประกอบด้วย 1.น.ส.ดาริณี เทพหวี หรือ ฟ้า อายุ 34 ปี เสียชีวิตด้วยสาเหตุกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2563 ที่ บ้านเลขที่ 11/1 ม.1 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม มีทรัพย์สินสูญหาย 60,000 บาท 2. นายสุรัตน์ ทรพับ อายุ 35 ปี เสียชีวิตด้วยสาเหตุหลอดเลือดหัวใจตีบ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 ที่บ้านพักเลขที่ 24 ม.7 ต.ท่าไม้ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ช่วงเสียชีวิตพบเงินจากบัญชีธนาคารของผู้ตายโอนเข้าบัญชีธนาคาร นางสรารัตน์ ผู้ต้องหา จำนวน 60,000 บาท 3.ร.ต.อ. หญิงกานดา โตไร่ อายุ 36 ปี เสียชีวิตด้วยสาเหตุระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2565 ที่บริเวณหน้าห้างโกลบอล จังหวัดนครปฐม 4. นางจันทร์รัตน์ วงศ์ไกรสิณ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2565 ที่ บ้านพักในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
5.น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารักษ์ อายุ 44 ปี สาเหตุการตายเลือดออกในสมอง เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2565 ที่ปั๊ม ปตท. บริเวณวงเวียน โพธาราม จ.ราชบุรี ช่วงเสียชีวิตพบเงินในบัญชีธนาคารของผู้ตายถูกถอนออกไปจำนวน 300,000 บาท พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำสูญหายไปอีกอย่างละเส้น 6.นายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ หรือ แด้ อายุ 35 ปี เสียชีวิตด้วยสาเหตุ หัวใจเต้นผิดจังหวะ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2566
ที่ บ้านพักในพื้นที่ ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งทรัพย์สินที่สูญหายประกอบด้วย สร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนักรวม 8 บาท พระเครื่องมูลค่า 100,000 บาท พร้อมเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง
7. พ.ต.ต. หญิง นิภา แสนจันทร์ อายุ 38 ปี สาเหตุการตาย ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2566 ที่ บ้านเลขที่ 196 ถ.เทศา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม โดยทรัพย์สินที่สูญหายประกอบด้วย เงินสด 10,000 บาท และเงินจากบัญชีธนาคารที่ถูกถอนออกไปจำนวน 140,000 บาท 8. น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ อายุ 33 ปี เสียชีวิตด้วยสาเหตุหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2566 ที่ ท่าน้ำบ้านโป่ง ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยมีทรัพย์สินสูญหายเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม 1 ใบ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และ เงินสด 50,000 บาท ส่วนผู้เสียชีวิตคนที่ 9 และ 10 คือ คุณน้อยผัก และ ครูอ๊อด กลุ่มวงแชร์ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลที่แน่ชัด
นอกจากนี้ ยังมีผู้รอดชีวิตจากการถูกกระทำโดย นางนางสรารัตน์ 1 ราย คือ นางกานติมา แพสอาด อายุ 36 ปี มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก มือชา หลังรับประทานยาที่ได้รับจาก นางสรารัตน์ ขณะกำลังเดินเล่นอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน กาญจนบุรี แต่เคราะห์ยังดีมีผู้ให้การข่วยเหลือได้ทัน ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า นางสรารัตน์ ติดหนี้ นางกานติมา เป็นเงินจำนวน 250,000 บาท