พรรคก้าวไกลปักหมุดสามย่านมิตรทาวน์ ปราศรัยใหญ่ปลุกมวลชน ‘ธนาธร’ ย้ำกาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เผยต้องเดินเร็วให้ทันโลก พร้อมเริ่มต้นรัฐสวัสดิการ ระบุโดดเดี่ยวจากพรรคการเมืองก็ไม่เป็นไร ด้านพิธาประกาศพร้อมเป็นนายกฯ ก่อนชวนคนไทย 3 กลุ่มไปโหวตเลือก ยืนยันเลือกแล้วถูกปก ไม่ผิดหวัง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 22 เมษายน 2566 ที่สามย่านมิตรทาวน์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งว่า มีโอกาสเดินทางไปทั่วประเทศ พบคนหลายกลุ่มหลายอาชีพ หลายคนบอกว่าเลือกตั้งไปทำไม เลือกใครไปก็เหมือนเดิม ชีวิตไม่เคยดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ ตนจะอธิบายว่าทำไมพรรคก้าวไกลจึงใช้คำขวัญในการเลือกตั้ง 2566 ว่า ‘กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’
@ธนาธร: ก้าวไกลคือ พรรคการเมืองในอุดมคติ
นายธนาธรกล่าวว่า การสร้างพรรคการเมือง ต้องเริ่มจากความฝันว่าอยากสร้างประเทศไทยแบบไหนให้คน 66 ล้านคนได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ประเทศไทยที่พรรคก้าวไกลอยากสร้าง คือประเทศไทยที่กลับมาเดินในทิศทางประชาธิปไตย ลูกหลานไม่ต้องเจอรัฐประหารอีก ประเทศไทยที่ไม่รวมศูนย์อำนาจ แต่ต้องกระจายอำนาจและงบประมาณไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เขาพัฒนาบ้านของเขาเอง ประเทศไทยที่ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่มีเส้นสายในระบบราชการ สิทธิเสรีภาพของประชาชนได้รับการรับประกัน ทุกคนเสมอภาคเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย จัดเก็บภาษีอย่างเป็นธรรม เอางบประมาณมาจัดสรรใหม่ สร้างรัฐสวัสดิการที่ดูแลคนตั้งแต่เกิดจนตายอย่างถ้วนหน้า เพื่อให้คนมีความมั่นคงในชีวิต
ประเทศไทยที่ระบบเศรษฐกิจมีความเป็นธรรม ไม่มีการผูกขาด ผู้ประกอบการขนาดเล็กมีโอกาสทำมาค้าขาย ประเทศไทยที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ทุกคนเข้าถึงอากาศที่ดี มีขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพและประชาชนเข้าถึงได้ มีสวนสาธารณะใกล้บ้านให้ลูกหลานของเราได้วิ่งเล่น นี่คือประเทศไทยที่เราอยากสร้างและเราเชื่อว่าเป็นความฝันเดียวกันกับประชาชนส่วนใหญ่
“ถ้าเรามีความฝันเดียวกัน นี่คือชั่วโมงของความเป็นไปได้ ถ้าประชาชนต้องการประเทศไทยแบบเดียวกัน จ้างพรรคก้าวไกลไปทำงานหน่อย กากบาทให้พรรคก้าวไกลเข้าไปสร้างสังคมไทยแบบนี้” นายธนาธรกล่าว
@ปี 66 ก้าวไกล พร้อมกว่า อนาคตใหม่
นายธนาธรกล่าวต่อว่า มีคนเคยบอกว่าพรรคก้าวไกลไม่มีประสบการณ์ ตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เป็นละอ่อนทางการเมือง ทำงานไม่เป็น แต่ผ่านมาสี่ปีแล้วเป็นอย่างไร ถ้าใครติดตามการทำงานของพรรคต่างๆ ในสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่าทำงานในสภาฯ โดดเด่นเหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น ประสบการณ์ไม่ได้วัดกันที่อายุ แต่ผลงานสี่ปีนั้นพูดชัด ตนในฐานะผู้ก่อร่างสร้างพรรคอนาคตใหม่ มองพรรคก้าวไกลในวันนี้ เห็นว่าขนาดพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2562 ไม่มีประสบการณ์ ยังทำได้ขนาดนี้ สี่ปีที่ผ่านมาเราเติบโตขึ้นเยอะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ มีเพื่อนร่วมทางมากขึ้น มีเครือข่ายเยอะขึ้น ความรู้มากขึ้น ไม่ว่ามองมิติใด พรรคก้าวไกลในปี 2566 สมบูรณ์กว่าพร้อมกว่าพรรคอนาคตใหม่
“ถ้าอนาคตใหม่ถูกปรามาสว่าทำไม่ได้ แต่ยังทำผลงานได้มากขนาดนี้ ลองคิดดูว่าก้าวไกลที่พร้อมกว่า จะทำได้ดีขนาดไหน” นายธนาธรกล่าว
@วิ่งให้เร็ว เท่าทันโลก
นายธนาธรกล่าวอีกว่า มีบางคนบอกว่าพรรคก้าวไกลเร็วเกินไป ช้าหน่อย ค่อยทำได้ไหม แต่ตนต้องบอกว่าความเดือดร้อนของประชาชนนั้นรอไม่ได้ ทุกประเทศแข่งขันกัน วิ่งหนีออกจากประเทศไทยไปทุกที สิ่งที่เราต้องกลัวไม่ใช่ก้าวไกลเร็วเกินไป แต่ต้องถามว่าประเทศไทยวันนี้เดินช้าเกินไปหรือไม่ เท่าทันโลกหรือไม่
บางคนบอกว่าพรรคก้าวไกลสุดโต่ง แต่ตนเดินทางไปไต้หวัน ดูว่าพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างไร ไปดูญี่ปุ่น ทำนโยบายกระจายอำนาจอย่างไร ไปดูเกาหลีใต้ปฏิรูปกองทัพอย่างไร อยากให้ประเทศไทยเป็นแบบนั้น ถ้าการอยากให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ เหมือนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ถูกมองว่าสุดโต่ง แปลว่าคนที่พูดคำนี้กำลังล้าหลังหรือไม่
บางคนบอกว่ารัฐสวัสดิการ ทำไม่ได้ แต่ตนต้องบอกว่าโจทย์ไม่ได้เริ่มต้นจากการที่บอกว่าทำได้หรือทำไม่ได้ แต่อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ มีเจตจำนงทางการเมืองมากพอหรือเปล่า ไม่ใช่ขึ้นต้นมาก็บอกว่าทำไม่ได้ แต่อยู่ที่เรากล้าคิดกล้าลงมือทำหรือไม่
@โดดเดี่ยวจากนักการเมืองได้
“เขาบอกว่า พรรคก้าวไกลแก้ปัญหาที่ต้นตอ จะทำให้ถูกโดดเดี่ยว ผมบอกว่าไม่เห็นโดดเดี่ยวเลย ดูบรรยากาศที่นี่วันนี้สิ เราเข้าใจว่าการผลักดันวาระที่ยากต้องใช้เวลา ไม่ใช่เรื่องง่าย เต็มไปด้วยขวากหนาม จะชนะหรือไม่ชนะ อยู่ที่เมล็ดพันธุ์ทางความคิดที่เราหว่านไว้ ให้ออกดอกออกผลเติบโตมาสู้กับความคิดที่ล้าหลังที่กักขังประเทศไทยให้อยู่กับปัจจุบัน นี่คือการต่อสู้ทางความคิด ดังนั้น หากโดดเดี่ยวจากนักการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์ แต่เป็นเพื่อนกับประชาชน พรรคก้าวไกลเลือกแบบนี้” ธนาธรกล่าว
@ย้ำเลือกก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
นายธนาธรกล่าวอีกว่า ขอพลังจากทุกคน ผลักดันให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เพราะทุกพรรคการเมืองหลักที่อยู่บนกระดานเลือกตั้งตอนนี้ ล้วนเคยเป็นรัฐบาลมาแล้ว แต่พาประเทศไทยมาได้ไกลแค่นี้ มีแค่พรรคก้าวไกลพรรคเดียวที่ไม่เคยบริหารประเทศมาก่อน คนบอกว่าเลือกกี่ครั้งก็เหมือนเดิม เราจึงบอกว่าเลือกก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ขอก้าวไกลเป็นรัฐบาลสักครั้ง จะพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ให้ทุกคนได้เห็น ถ้าพวกเราทำไม่ได้ เลือกตั้งรอบหน้า ท่านเลือกพรรคอื่นได้เลย
“ไม่ต้องถึงมือประชาชน ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายบริหาร ทำไม่ได้อย่างที่พูด ผมเองจะไม่เป็นผู้ช่วยหาเสียงให้เขาในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่มีหน้ามาเสนอ หรือมาขอทำต่อแน่นอน 14 พฤษภา อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือของทุกคน ถ้าเชื่อเหมือนกับเราว่าปัญหาของประเทศไทยไม่ใช่ปัญหาเชิงประเด็น แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงต้องปลดล็อกโครงสร้าง ถ้าเชื่อเหมือนกันว่านี่ไม่ใช่เวลาที่คนไทยต้องเจียมเนื้อเจียมตัว หรือชาชินกับความเจ็บปวด แต่เป็นเวลาที่ประชาชนต้องกล้าทะเยอทะยาน กล้าฝันถึงประเทศไทยที่ดีกว่านี้ ขอโอกาสพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ขอโอกาสพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี กาก้าวไกลให้ถล่มทลายทั้งสองใบ” นายธนาธรกล่าว
@พิธา : พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปราศรัยปิดท้ายเวทีว่า ปัจจุบันการหาเสียงของพรรคก้าวไกลเข้าฝักเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความชัดเจนตรงไปตรงมา และความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของตน นี่เป็นเวลาที่อันดับในโพลล์ของพรรคก้าวไกลขึ้นมากที่สุดตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลมาและสูงกว่าสมัยอนาคตใหม่ด้วยซ้ำ
การค้นหาในกูเกิลเทรนด์สูงสุดตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลมา คนที่โทรเข้าฮอทไลน์ของพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า คนซื้อสินค้าพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้น 15-20 เท่า และยอดบริจาคผ้าป่าก้าวไกลตอนนี้ ได้มาเกิน 10 ล้านบาทแล้ว ทุกพื้นที่ในประเทศไทยที่ตนไป ได้รับการต้อนรับจากประชาชนเป็นอย่างดีมาจนถึงตอนนี้
@ชวนคนไทย 3 กลุ่มออกมาเลือกตั้ง
ในโอกาสนี้ ตนอยากสื่อสารถึงประชาชนคนไทยทุกคนสามกลุ่ม คือ
กลุ่มแรก คนที่ยังคิดไม่ออกว่าวันที่ 14 พ.ค. นี้จะออกมาเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งตนเข้าใจว่าหลายคนอาจจะมีความจำเป็น ทั้งเรื่องของการเดินทางที่ยากลำบาก มีลูกหลานที่ต้องดูแล มีพ่อแม่ที่ป่วยติดเตียง หรือต้องเปิดร้านออกมาไม่ได้ แต่ตนอยากเชื้อเชิญให้ทุกคนเชื่อมั่น ว่าหากเราคือ...ความเปลี่ยนแปลงที่ท่านถวิลหา, ความเปลี่ยนแปลงที่ท่านเชื่อถือได้, ความเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพ และความเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่า 14 พฤษภาคม เข้าคูหากาก้าวไกล ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
สำหรับกลุ่มคนที่สอง คือทุกท่านที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคไหน ตนยืนยันได้ว่าพรรคก้าวไกลคือการเปลี่ยนแปลงที่เชื่อถือได้ ตรงปก เลือกแบบไหนได้แบบนั้นแน่นอน คือมี "ลุงไม่มีเรา-มีเราไม่มีลุง" และสุดท้าย คนที่ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเลือกพรรคอื่นแล้วผิดหวัง ไม่เป็นไปตามสัญญา ตนขอยืนยันว่ากว่า 300 นโยบายที่พรรคก้าวไกลทำไว้ มีเงินจ่ายและทำได้จริงแน่นอน โดยเฉพาะรัฐสวัสดิการที่ต้องเกิดขึ้นในประเทศไทย
@ 9 เปลี่ยน หากเลือกก้าวไกล
นายพิธากล่าวต่อไป ว่าเพราะการกาให้พรรคก้าวไกล จะทำให้เกิด “9 เปลี่ยน” ครั้งประวัติศาสตร์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาในประเทศไทยก่อน ตามยุทธ์ศาสตร์ “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” ของพรรคก้าวไกล เป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 3, ปากท้อง 4 และอนาคต 2 กล่าวคือ
1) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่เราจะมีรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เปลี่ยนจากเผด็จการจำแลงให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ 2) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะเปลี่ยนประเทศที่ทุกอย่างถูกรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพให้เป็นประเทศไทย ด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ 3) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะมีระบบการแก้ปัญหาทุตริต โดยพลิกโฉมเปลี่ยนจากรัฐปกปิดให้เป็นรัฐโปร่งใส
4) เปลี่ยนจากที่ดินนายทุน ขุนศึก ศักดินา ให้กลายเป็นที่ดินของประชาชน 5) สำหรับแรงงานทั่วประเทศ เปลี่ยนจากการขึ้นค่าแรงตามใจผู้มีอำนาจ เป็นการขึ้นค่าแรงที่แปรผันตามค่าครองชีพ โดยจะขึ้นทันที 450 บาท ก่อนขึ้นอัตโนมัติตามค่าครองชีพ 6) เปลี่ยนจากค่าไฟแพงให้เป็นค่าไฟแฟร์ สร้างประชาธิปไตยทางพลังงาน ด้วยเสรีโซลาร์เซลล์ 7) เปลี่ยนจากสวัสดิการแบบลุ้นโชค เหมือนในช่วงโควิดที่ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เยียวยาไม่ทั่วถึง ชีวิตนี้รำพึงคิดถึงแต่ความตาย พลิกโฉมให้เป็นสวัสดิการถ้วนหน้าที่ไม่ต้องพิสูจน์ความจน
8) นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะเกิดการพลิกโฉมการศึกษาจากเรียนมากได้น้อยเป็นเรียนเน้นได้มาก คืนเวลาให้ครู ไม่ต้องทำงานธุรการ ไม่ต้องเฝ้าเวร ทำเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ ให้ครูได้มีเวลาไปสอนลูกหลานของเราได้อย่างเต็มที่ และ 9) นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ระบบเศรษฐกิจจะทำงานให้ทุกคนในประเทศ ไม่ใช่คนแค่ 1% ไม่ต้องรอให้เค้กโตก่อนแล้วค่อยเจียดมาแบ่งกัน แต่เราจะเริ่มแบ่งเค้กกันตั้งแต่ตอนนี้แล้วโตไปด้วยกัน
“ถ้าชอบวิถีแบบพรรคก้าวไกล ชอบวิธีปฏิบัติแบบพรรคก้าวไกล 14 พ.ค. ต้องกาพรรคก้าวไกลให้คนใหม่ไปเปลี่ยนแปลงประเทศ กาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ให้ประเทศไทยก้าวหน้า การเลือกตั้งครั้งนี้คือเรื่องของพวกเราทุกคน ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจะเป็นชัยชนะที่สูงสุดของประชาชนทุกคน เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้แล้ว เราไม่สามารถพักได้ เราจะพักเมื่อเราชนะเท่านั้น ขอให้ทุกคนเดินทุกถนน เคาะทุกประตู ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงวันนี้ แล้วเราจะมาเปลี่ยนแปลงกรุงเทพ ประเทศไทย และโลกใบนี้ไปด้วยกัน” นายพิธากล่าวในท้ายที่สุด