‘ชาญชัย อิสระเสนารักษ์’ ผู้สมัคร ส.ส. ปชป.นครนายก แฉ กกต.มีชื่อนักการเมืองที่สมัคร ส.ส. 130 ชื่อเข้าข่ายถูกตัดสิทธิ์จากปมถือหุ้นในธุรกิจเอกชน เสี่ยงขาดคุณสมบัติลงสมัคร แย้มมี 2 ชื่อดัง ‘ประวิตร-ธรรมนัส’ รวมอยู่ในข่ายด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 22 เมษายน 2566 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครนายก เขต2 พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เปิดเผยว่า กรณีที่ถูก ผอ.กกต. ประจำเขตเลือกตั้งที่2 นครนายก ตัดสิทธิ์การลงรับสมัคร ส.ส.โดยระบุอ้างถือครองหุ้นของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือAIS ว่าเข้าข่ายตามลักษณะต้องห้ามของการเป็นผู้สมัคร ส.ส.นั้น
ความคืบหน้าหลังยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้วินิจฉัยเรื่องนี้ ล่าสุดเช้าวันที่ 21 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา ศาลได้นัดพร้อมทั้งสองฝ่ายเพื่อตรวจสอบพยานและหลักฐาน ก่อนที่จะนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 25 เม.ย.นี้ เพื่อชี้แจงหลักฐาน พยานต่างๆของทั้งสองฝ่ายต่อศาล
“ยืนยันว่าถือหุ้น AIS แค่200หุ้น และเคยลงสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเมื่อปี 2562 กกต.กลางก็ไม่ได้ตัดสิทธิ์สมัครของตน ดังนั้น ผมฟ้องศาลฎีกาก็เพื่อยืนยันสิทธิ์ของตนว่า ไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร แต่ทราบว่า สาเหตุที่ ผอ.กกต.เขต2 นครนายก สั่งตัดสิทธิ์ตนออกจากการเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต2 นครนายก โดยอ้างว่าขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นของAIS นั้น เพราะบริษัทAIS ไปถือหุ้นของบริษัทลูก ที่ทำหนังสือโทรศัพท์หน้าเหลือง อีกบริษัทลูกที่AISไปถือหุ้นคือบริษัทเทเลอินโฟ มีเดียส์จำกัด (มหาชน)ที่ให้บริการโฆษณาออนไลน์และคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมันไม่เกี่ยวข้องกันกับตน เพราะตนถือหุ้นของบริษัทแม่ ส่วนบริษัทแม่จะไปถือหุ้นในบริษัทลูกอื่นๆที่แตกไลน์ออกไปกี่บริษัท มันก็ไม่เกี่ยวกับตน ที่สำคัญ ตนถือแค่200หุ้น ไม่มีผลในการไปบริหารจัดการภายในของบริษัทแม่และตนไม่ได้มีชื่อถือหุ้นในอีก2บริษัทดังกล่าว แต่ กกต. กลับเลือกตีความคลอบคลุมแบบนี้ ถามว่า ตีความเกินอำนาจกฎหมายหรือไม่” นายชาญชัยตั้งข้อสังเกต
ทั้งนี้ ได้เห็นหลักฐานของ กกต.ที่ศาล ก็เห็นเป็นเรื่องแปลก ซึ่งกกต.เขต2 นครนายกเองก็ยอมรับว่า เป็นกรณีแรกที่ตีความมาตัดสิทธิ์การลงสมัคร ส.ส.ของตนเป็นเคสแรก ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยตีความกรณีถือหุ้นสื่อเอาไว้แล้ว แต่ กกต. กลับยืนยันการใช้อำนาจของว่า ตนขาดคุณสมบัติ ที่ไปลงทุนถือหุ้นในบริษัทแม่ แต่ต้องมารับผิดชอบในบริษัทลูก หรือ บริษัทหลาน ที่ทางบริษัทแม่ไปถือหุ้นไว้ด้วย มันก็แปลกประหลาด
ยืนยันว่า จะต่อสู้ เพราะได้เห็นหลักฐานรายชื่อของ กกต. ว่ายังมีผู้สมัคร ส.ส.ระดับบิ๊กเนม เป็นผู้ถือหุ้นที่ส่งมาด้วย เพราะมีชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และแคนติเดตนายกฯของพรรค พปชร. รวมอยู่ด้วย อยู่ในลำดับที่ 53 อยู่ในเอกสารที่ กกต. ส่งให้ศาล แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่า ถือหุ้นอะไร เพราะเปิดดูหลักฐานที่ กกต.ส่งให้ศาล เห็นมีชื่อคนดังต่างๆอีกหลายคน ก็ขอถาม กกต.เขต2 นครนายก ว่าทำไมไม่ดำเนินการเหมือนที่ทำกับตน กกต.ตอบเพียงว่า ไม่ทราบ ซึ่งมีชื่อนักการเมืองทั้งหมด 130 คน คนดังๆทั้งนั้น ถ้าบอกชื่อมาทั้งหมดนี่ เปรียบเหมือนคำโบราณ สำเพ็งไหม้ วุ่นวายไปหมดแน่ กกต.ทำไม ทำแบบนี้ แต่ยังไม่ได้ดูในรายละเอียดของ กกต. ที่ส่งให้ศาลว่า ผู้ที่มีชื่อในลิสต์ทั้ง130 คนนี้ ทำผิดอะไร หรือไม่อย่างไร แต่ชื่อของผมอยู่ในลำดับที่ 17 ในรายขื่อทั้งหมดนี้ อีกชื่อที่จำแม่นเพราะเป็นคนดังคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรค พปชร.
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางการต่อสู้เรื่องนี้ ตอนนี้ก็รอศาลฎีกาไต่สวนมูลฟ้องในคดีนี้ ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ ซึ่งทราบว่าศาลท่านเมตตาเร่งจะพิจารณาตัดสินชี้ขาดเรื่องนี้ให้ในวันที่ 2 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ การที่ กกต.เขต2 นครนายก ตีความลักลั่นแบบนี้ ทำให้ตนรับผลกระทบมาก เพราะเท่ากับว่าไม่ได้เป็นผู้สมัครส.ส. จะหาเสียงก็ไม่ได้ ผิดกฎหมายอีก หากเปรียบว่าขึ้นเวทีมวยต่อยกัน ก็เท่ากับตนถูกมัดแขนเข้ามุมให้คู่ต่อสู้อัดตนฝ่ายเดียว ก็ต้องรอให้ศาลฎีกาตัดสินก่อน จากนั้นค่อยมาว่ากันอีกที