นายกฯ มอบทิศทางอนาคตอันดามัน ย้ำทุกภาคส่วนต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว พร้อมขอคนไทยรัก สามัคคี ร่วมสร้างความรู้ความเข้าใจ เดินหน้าพัฒนาประเทศ อย่าให้บ้านเมืองกลับไปที่เดิม
lสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่านายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 มี.ค. เวลา 14.50 น. ณ ห้องประชุมเทียนสิรินธร ชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับฟังการนำเสนอวิสัยทัศน์ เรื่อง “อันดามันพร้อม” ติดตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและบริการให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยมี นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางวิรินทร์ตรา ปภากิจยศพัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เขต 11 (ภูเก็ต พังงา กระบี่) นายสรรเพ็ชญ ศรีสวัสดิ์
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ นายกิตติ พรศิวะกิจ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย นายมโนศักดิ์ แจ้งจบ ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนโรงแรมขนาดเล็ก นายอดิศร สุมาลี นายกสมาคมมัคคุเทศก์ภูเก็ต ผศ.หิรัญ ประสานการ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต รศ.พันธ์ ทองชุมนุม รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟัง
ภายหลังการรับฟังข้อเสนอยุทธศาสตร์ “อันดามันพร้อม” จากภาคธุรกิจและนักวิชาการ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงทรรศนะและมอบทิศทางอนาตอันดามัน ในตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีที่ได้เดินทางมาจังหวัดภูเก็ตอีกครั้ง เพื่อติดตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและบริการ ภายใต้ยุทธศาสตร์ “อันดามันพร้อม” ซึ่งจะยืนยันความพร้อมในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง โดยขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ไว้ใจและเชื่อมั่นนายกรัฐมนตรีในการตัดสินใจเปิดประเทศในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ที่มาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะเมื่อมีการเปิดประเทศ ไม่ว่าจะเตรียมการป้องกันขนาดไหนก็ตาม ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่เมื่อได้ประเมินสถานการณ์และคิดถึงความอยู่รอดในการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน ดังนั้น รัฐบาลต้องเดินไปข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาโรคอุบัติใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยภาคประชาชนและทุกภาคส่วนต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นฟูอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงคำว่า “ยุทธศาสตร์ชาติ” ต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ประเทศคือ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า จะต้องมีการจัดทำแผนแม่บท เพื่อนำมากำกับการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติต่อไป เพื่อวางกรอบการพัฒนาประเทศให้เป็นไปในแนวทางที่เหมาะสม อีกทั้ง สามารถปรับปรุงแก้ไขตามระบบระเบียบการบริหารราชการ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอยากเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ประชาชนมีรายได้ที่สูง ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับประชาชน โดยวันนี้รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหลายเรื่อง สิ่งที่ขอให้รัฐบาลดำเนินการ วันนี้ รัฐบาลได้ทำให้แล้วคือการแก้ไขผังเมือง ที่ต้องมีการแก้ไขในการวางแผน การเวนคืนพื้นที่ของประชาชนและต้องมีการทำประชาพิจารณ์ด้วย เป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่สร้างปัญหาในอนาคตเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประชาชนไม่ได้รับความเดือดร้อน วันนี้ประเทศไทยเดินมาไกลแล้วเราจะไม่ย้อนกลับไปที่เดิมอีกแล้ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวเน้นย้ำว่า การเดินทางมาในวันนี้ได้มาติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว โครงสร้างคมนาคม รวมทั้งการเดินทางเข้าออกของนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจ
ในฐานะที่พวกเราทุกคนคือคนไทย ต้องรักกันสามัคคีกัน ด้วยความร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชนทุกคน เพราะนี่คือคนไทยต้องร่วมกันสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อเดินหน้าพัฒนาประเทศอย่าให้บ้านเมืองกลับไปที่เดิม เพราะเราเดินหน้าพัฒนาและผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มามากมายด้วยกันและขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือร่วมใจกัน ประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาประเทศ
สำหรับข้อเสนอต่าง ๆ ในวันนี้ นายกรัฐมนตรีรับไปพิจารณาหารือและส่งต่อรัฐบาลต่อไป โดยยืนยันว่าการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเป็นไปเพื่อประชาชน มุ่งดูแลผู้มีรายได้น้อยเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง เท่าเทียม ทั้งนี้ การใช้จ่ายงบประมาณต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามระเบียบการเงินการคลังภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ ซึ่งนานาชาติต่างชื่นชมระบบการเงินการคลังของไทยที่มีความมั่นคงแข็งแกร่ง ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศด้วยความเข้มแข็ง
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนาม MOU แก้ไขปัญหาภาคแรงงานสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอันดามัน โดยสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต และภาคธุรกิจเอกชนในพื้นที่ สู่การเดินหน้าแก้ไขปัญหาภาคแรงงานอย่างยั่งยืน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร