นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดระนอง ติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ การป้องกันภัยพิบัติอุทกภัย และ การแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองจังหวัดระนอง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 16 มี.ค.2566 นี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดระนอง โดยมีนายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วยนายบุญชัย สมใจ นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ข้าราชการ และประชาชนให้การต้อนรับ
โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางไปยังอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง เพื่อติดตามสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ตำบลกำพวน อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง
โดยแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่มีการใช้งานมาเป็นระยะเวลานานกว่า 25 ปี ทำให้ท่อส่งน้ำมีสภาพเสื่อมโทรม และชำรุดเสียหาย ซึ่งแหล่งกักเก็บน้ำหลักในพื้นที่ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฝายคลองกำพวน และ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฝายบ้านโตนกลอย และเนื่องจากทั้ง 2 โครงการ เป็นโครงการถ่ายโอนภารกิจแล้ว โครงการชลประทานระนองจึงไม่สามารถขอรับสนับสนุนงบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซมได้ ส่งผลให้ราษฎรขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค – บริโภคในช่วงที่เกิดการชำรุดเสียหายของท่อส่งน้ำ ทั้งนี้เทศบาลตำบลกำพวนได้ซ่อมแซมและให้ความช่วยเหลืออย่าง
ต่อเนื่อง โดยโครงการชลประทานระนองได้ประสานไปยังส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 14 เพื่อพิจารณาโครงการเบื้องต้น เป็นโครงการฝายคลองโตนกลอยพร้อมระบบส่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหา วงเงินงบประมาณ 40.60 ล้านบาท คาดว่าจะจัดเข้าแผนงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการเร่งช่วยเหลือดูแล แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ในทุกระยะ
จากนั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปตรวจติดตามสภาพปัญหาของพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัยและแนวทางแก้ไขโดยการปรับปรุงพนังกั้นน้ำ ที่ อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง โดยในพื้นที่ตำบลลำเลียง อำเภอกระบุรีประสบปัญหาอุทกภัย คลองลำเลียงแพรกซ้ายมีสภาพลำน้ำคดเคี้ยวไปมา ความกว้างลำน้ำแคบมีท้องน้ำลาดชันสูง ตลิ่งคลองทั้งสองฝั่งค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะบริเวณที่ผ่านชุมชน บริเวณต้นน้ำมีลำน้ำสาขาหลายสาย ไหลลงสู่คลองลำเลียงแพรกซ้าย ทำให้มีพื้นที่รับน้ำขนาดใหญ่ เมื่อเกิดฝนตกหนัก ต้นน้ำจะมีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน ทำให้เกิดน้ำท่วม และส่งผลกระทบให้ตลิ่ง คลองและที่ดินของประชาชนถูกกระแสน้ำกัดเซาะได้รับความเสียหาย มีน้ำทะเลหนุนสูงเป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ ส่งผลให้บ้านเรือน ทรัพย์สินและที่ดินของประชาชนได้รับความหาย ทั้งนี้แนวทางการแก้ไข กรมชลประทานได้วางแผนงานโครงการก่อสร้างอาคารป้องกันตลิ่งในคลองลำเลียงแพรกซ้าย คลองลำเลียงแพรกขวา และคลองลำเลียง จำนวน 5 โครงการ โดยมีแผนการดำเนินงาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2570 งบประมาณดำเนินการ 335,000,000 ล้านบาท
เวลาต่อมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองจังหวัดระนอง ซึ่งป่าชายเลนในอดีตได้มีการอานุญาติให้ทำเหมืองแร่ และมีสภาพเสื่อมโทรม หมดสภาพ ราษฎร จึงเข้าจับจองครอบครองทำประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย ร้านค้า แพปลา สถานประกอบการ สถานที่ราชการ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดในปัจจุบัน จังหวัดระนองได้มอบให้ อบจ.ดำเนินการขออนุญาติใช้ประโยชน์พื้นที่จากกรมป่าไม้เพื่อจัดให้ราษกรเช่าและอยู่อาศัย และจัดให้เป็นย่านการค้าและอุตสาหกรรม จำนวน 2 แปลง และเทศบาลเมืองระนอง 1 แปลฝ รวมเนื้อที่ 484 ไร่ และ จากมติ ครม.เมื่อ 23 กรกฎาคม 2534 และ วันที่ 22 สิงหาคม 2543 รวมทั้งเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2543 ได้ห้ามการอนุญาติใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน ทำให้ราษฎร จำนวน 900 ครอบครัว กลายเป็นผู้ที่อยู่อาศัยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้เช่าเดิมไม่สามารถนำที่ดิน สิ่งก่อสร้างไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้จากสถาบันการเงินได้ นักลงทุนไม่มั่นใจในการเข้ามาลงทุน ส่งผลกระทบต่อการประกอบกิจการต่างๆ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2561 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในคราวเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดระนองได้รับฟังสภาพปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว และมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหาให้แก่ราษฎร ซึ่งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง จังหวัดระนอง ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายบริหารจัดการและทรัพยากรดินเสนอ และมอบหมายกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับไปดำเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป