‘นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ’ ซบ ‘พลังประชารัฐ’ ชักธงสู้ศึกเลือกตั้งภาคใต้ มั่นใจพร้อมชน ‘ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์’ เปิดใจช้ำๆออกจาก ‘สร้างอนาคตไทย’ เพราะการควบรวมพรรคมีเงื่อนไขไม่เหมือนเดิม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 13 ธันวาคม 2565 นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) พร้อมด้วยนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พื้นที่ภาคอีสานและภาคใต้ โดยมีแกนนำคนสำคัญอย่าง นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ ส.ส.พัทลุง 8 สมัย ร่วมเปิดตัวกับพรรคพลังประชารัฐด้วย
โดยการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ ในครั้งนี้ แบ่งเป็น แบบบัญชีรายชื่อ พื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย จ.สงขลา ได้แก่ นายณรงค์พร ณ พัทลุง อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ซึ่งได้ลำดับที่ 2 ในครั้งที่ผ่านมา จ.นครศรีธรรมราช ได้แก่ นางสุภาพ ขุนศรี และนายสุธรรม จริตงาม
พื้นที่ภาคอีสาน ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ได้แก่ ดร.ประพิศ นวมโคกสูง ,นางอรทัย พลวิเศษ ,นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ ,ดร.อรัชมน รัตนเศรษฐ , นายวิรัตน์ วาริชอลังการ ,นายพจน์ เจริญสันเทียะ
ในส่วน จ.ชัยภูมิ ได้แก่ นางสาวจิตราภรณ์ กล้าแท้ ,นางสาวกาญจนา จังหวะ ,นายสนั่น พัชรเตชโสภณ
นายสันติ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกคน ขอขอบคุณท่านนิพิฎฐ์ ที่จะเข้ามาช่วยดูแลชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะจังหวัดทำภาคใต้ ที่มีความสำคัญ เพราะถือเป็นด้ามขวานทองของประเทศไทย ที่จะต้องมีตัวแทนของประชาชนชาวใต้ในการดูแลพัฒนาจังหวัดที่มีทรัพยากรต่าง ๆ มากมาย และยังรอที่จะพัฒนาจากนโยบายของพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน หรือการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะไปดูแลพืชผลสินค้าทางการเกษตรเช่นยางพารา ปาล์ม ก็กำลังรอผู้ที่มีความรู้ความสามารถ
"ท่านนิพิฎฐ์เป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริง ผมต้องขอขอบคุณท่านเป็นกรณีพิเศษ เพราะท่านห่วงใยพี่น้องชาวใต้ เฉกเช่นเดียวกันกับพรรคพลังประชารัฐ ที่เรามีความตั้งใจที่จะพัฒนาภาคใต้ของเราให้มีความเข้มแข็ง และเพิ่มศักยภาพให้กับเยาวชน และคนรุ่นใหม่ ๆ ที่จะขึ้นมาดูแลจังหวัดต่อไป"
ทั้งนี้ พรรคมั่นใจว่าว่าที่ผู้สมัครฯ ดังกล่าว ล้วนเป็นบุคลากรที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี และมีทีมงานที่มีฐานเสียงเข้มแข็ง และกว้างขวางในพื้นที่ภาคใต้ ที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นปากเสียงแทนในการเข้าไปเป็นตัวแทนให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป
@เปิดใจออกจาก ‘สมคิด’ เพราะพรรคไม่เหมือนเดิม
ด้านนายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า การตัดสินใจร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ขอให้อย่าคิดว่า ตนมาในฐานะขุนพล เพราะตนตั้งใจมาทำงานร่วมกันกับสมาชิกพรรคคนอื่น ๆ ไม่ได้มาเป็นผู้นำใดๆ ทั้งสิ้น ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้รับมอบหมายจากท่านหัวหน้าพรรค ต้องการให้เข้ามาช่วยดูแลภาคใต้ โดยยังมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในพรรคอย่างเช่น นายอภิชัย เตชะอุบล มาช่วยงานด้วย รวมไปถึงนายอนุมัติ อาหมัด อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่ยังปิดเงื่อนไขทางกฏหมายการเว้นวรรคทางการเมืองจาก ส.ว.อยู่ ก็จะมาให้คำปรึกษาในส่วนที่ไม่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สิ่งใดที่ผมสามารถทำได้เพื่อชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐ ผมพร้อมที่จะทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้พื้นที่ภาคใต้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมขอขอบคุณผู้ใหญ่ และกรรมการบริหารพรรคทุกท่านที่ให้เกียรติผมมาร่วมงานกันในวันนี้"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้จะสับสนหรือไม่ เพราะเพิ่งลาออกจากพรรคสร้างอนาคตไทย นายนพิฎฐ์ตอบว่า ไม่ ส่วนเหตุที่ลาออก ทางพรรคสร้างอนาคตไทยจะพูดเอง และตนไม่ได้ลาออกโดยไม่มีเหตุผล ตนหารือกับพรรคมา 3 เดือนแล้ว
ส่วนสาเหตุที่ลาออกมา เพราะว่าตอนตั้งพรรคร่วมกับนายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายสุพล ฟองงาม ในเริ่มแรกมีหลักการที่นึดกันไว้ 2 เรื่อง คือ 1. ไม่สุดขั้วทางการเมือง และ 2. จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยระดมผู้เชี่ยวชาญเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจมากกว่าปัญหาการเมือง
เมื่อพรรคเดินมาได้ระยะหนึ่ง ก็เกิดแนวคิดควบรวมพรรคขึ้นมา ซึ่งไม่ได้ขัดข้อง แต่ว่าการควบรวมต้องไม่ขัดกับหลักการ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าจากนายอุตตมเป็นคนอื่น และเปลี่ยนแคนดิเดทนายกฯจากนายสมคิดเป็นคนอื่น เมื่อหลักการตรงนี้เปลี่ยนไป ก็ไม่สามารถทำงานได้
เมื่อถามว่า การมาพรรคพลังประชารัฐเพื่อมาชนกับ นางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะแม่ทัพภาคใต้พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายนิพิฎฐ์ตอบว่า ไม่จำเป็น เพราะตนก็ชนกับนางนาทีอยู่แล้ว ชนจนถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว ส่วนจะชนกันในการเลือกตั้งรอบหน้าหรือไม่ ไม่ถือว่าชน เป็นตัวเลือกใหม่
นอกจากนี้ นายนิพิฎฐ์ระบุว่า จะมีทีมงานจากพรรคสร้างอนาคตไทยย้ายตามมาด้วย ประมาณ 30 กว่าคน และเชื่อมั่นว่าจะสู้กับนางนาที และนายนริศ ขำนุรักษ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ได้ ตนคิดว่าสู้ได้
ส่วนกรณีที่ผลโพลในภาคใต้ยังชื่นชมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีอยู่นั้น ก็เป็นความจริง แต่พล.อ.ประยุทธ์มีเงื่อนไขหลายประการ และไม่เหมือนปี 2562 แล้ว หากท่านได้รับเลือกก็อยู่ได้ 1-2 ปี และพล.อ.ประยุทธ์ไปอยู่พรรคใหม่ ซึ่งไม่ง่ายที่จะแข่งขัน จึงไม่ร้อนแรงเหมือนเดิมอีกต่อไป