ครม.เคาะร่างกฎกระทรวงผลิตสุราปี 65 ปลดขั้นต่ำการผลิตและทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาทออก ส่วนกรณีผลิตในครัวเรือน ต้องบริโภคภายในเท่านั้น ห้ามแจกจ่ายหรือขาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ. .... เป็นการปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตผลิตสุรา รวมทั้งปรับปรุงขั้นตอนและวิธีการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตสุราให้สอดคล้องกับบริบทของธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตสุรา ในปัจจุบันให้มากขึ้น ร่างกฏกระทรวง มีสาระสำคัญดังนี้
(1) ปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตผลิต "กรณีสุราแช่" เช่น น้ำตาลเมา อุ เบียร์ ไวน์ สปาร์กลิ้งไวน์ และสุราแช่พี้นเมือง โดยยกเลิกการกำหนดจำนวนทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ ผู้ขออนุญาตผลิตสุราแช่ชนิดเบียร์ ยังต้องเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฏหมายไทยและมีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ในส่วนของ "กรณีสุรากลั่น" เช่น สุราขาว ยังเพิ่มโรงงานอุตสาหกรรมสุรากลั่นขนาดกลาง ที่ใช้เครื่องจักรไม่เกิน 50 แรงม้าหรือใช้คนงานน้อยกว่า 50 คน จากเดิมที่มีขนาดเครื่องจักร ไม่เกิน 5 แรงม้าหรีอใช้คนงานน้อยกว่า 7 คน หรีอโรงงานไซร์ "S" ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ โดยจะทำให้กำลังการผลิตและคุณภาพดีขึ้น
(2) ยกเลิกการกำหนดกำลังการผลิตขั้นต่ำของโรงอุตสาหกรรมสุราแช่ ชนิดเบียร์ จากที่กำหนดกำลังต้องไมต่ำกว่า 1 แสนลิตร/ปี และไม่เกิน 1 ล้านลิตร/ปี เป็น โดยให้เป็นโรงงานตามกฏหมายว่าด้วยโรงงานหรือใช้เครื่องจักรอุปกรณ์การผลิตสุราแช่ ชนิดเบียร์ที่มีมาตรฐานตามที่ อธิบดีกรมลรรพสามิตประกาศ แต่ยังให้คงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำลังการผลิตขั้นต่ำตามเดิม ในส่วนโรงอุตสาหกรรมผลิตสุรากลั่น ชนิดสุราพิเศษ เช่น วิสกี้ บรั่นดี และยิน ไม่ต่ำกว่า 30,000 ลิตร/วัน และโรงอุตสาหกรรมผลิตสุรากลั่นชนิดอื่น ๆ เช่น สุรากลั่นชนิดสุราขาวและองค์การสุรา ไม่ต่ำกว่า 90,000 ลิตร/วัน รวมทั้งให้เพิ่มเติมให้เป็นไปตามกฏหมายว่าด้วยโรงงาน
ทั้งนี้ ยังเพิ่มเติมขั้นตอนและวิธีการในการขออนุญาต โดยให้สามารถยื่นคำขอรับใบอนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้
โฆษกรัฐบาล ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ร่างกฏกระทรวงฯ เป็นการผ่อนคลายความเข้มข้นของ พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งได้มีการหารือหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการผ่อนคลายหลักเกฑ์ วิธีการ เงื่อนไขเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตสุรา ให้มีความสอดคล้องกับสภาพการณ์ในเชิงธุรกิจ และธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตสุราไนปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันธุรกิจมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งหลักการสำคัญในเชิงประโยชน์ของรัฐ ในการบริหารการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าสุราอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสินค้าสุราที่ผลิตได้คุณภาพมีมาตรฐานและความปลอดภัยต่อการบริโภค ครอบคลุมการดูแลทั้ง 3 ด้าน คือ การดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชน การดูแลสังคม ป้องกันอุบัติเหตุที่มาจากการดื่มสุรา รวมไปถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิตสุราด้วย
ณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต
‘สรรพสามิต’ แจงเปล่าตัดหน้า ‘ก้าวไกล’
ด้านนายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ส่วนกรณีที่เป็นการผลิตที่ไม่ใช่เพื่อการค้า อันหมายถึงการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือน อนุญาตให้ทำได้ แต่ต้องขออนุญาตกับกรมสรรพสามิต และมีกำลังการผลิตไม่เกิน 200 ลิตร/ปี, บรรลุนิติภาวะคือมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเมื่อผลิตแล้วต้องแจ้งให้กรมสรรพสามิตตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานควบคุมเรื่องสารปนเปื้อน หากไม่แจ้งจะถือว่าเป็นสุราผิดกฎหมาย หรือ สุราเถื่อนทันที โดยกฎกระทรวงอยู่ระหว่างรอประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากชาวบ้านผลิตและแจกจ่ายในงานเลี้ยงสังสรรค์ส่วนตัว มีความผิดหรือไม่ นายณัฐกรตอบว่า ผิด เพราะในกฎกระทรวงให้บริโภคเฉพาะในครัวเรือน ซึ่งหมายถึงบริเวณที่อยู่อาศัยเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นำไปขาย แลก หรือแจกจ่ายต่อ หากฝ่าฝืาจะมีความผิด โดยจะถูกปรับตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอยู่ระหว่างออกกฎหมายลูกออกมารองรับอยู่
เมื่อถามอีกว่า เป็นการออกกฎกระทรวงมาตัดหน้าการผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายณัฐกรชี้แจงว่า ไม่ใช่ กฎกระทรวงนี้เตรียมพร้อมที่จะเสนออยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมามีการหารือกันมาก จนที่ประชุมเห็นว่า ช่วงนี้เหมาะสมที่จะเสนอก็เท่านั้น
‘ก้าวไกล’ ซัดเป็นเกมการเมือง
ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ชัดเจนว่าการมีมติครม.ก่อนการลงมติพ.ร.บ. สุราก้าวหน้าออกมาเพียง 1 วัน เป็นการจงใจเพื่อให้ ส.ส. รัฐบาลอภิปรายเป็นเหตุผลกับสภาฯว่า พ.ร.บ. สุราก้าวหน้าไม่จำเป็นอีกต่อไปเเล้ว เพราะกฎกระทรวงออกมาเเล้ว ซึ่งจริง ๆ เเล้วพ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ยังคงจำเป็นในการประกันหลักเสมอภาคในการเเข่งขันทางธุรกิจของประชาชน เนื่องจากเป็นกฎหมายลำดับชั้นสูงกว่าที่เเก้ยากกว่ากฎกระทรวง ซึ่งตนเองก็ได้เตรียมตอบทุกข้อสงสัยในสภาอยู่เเล้ว.
ตนได้ดูรายละเอียดกฎกระทรวงดังกล่าวตอนเปิดรับฟังความคิดเห็นเมื่อสัปดาห์ก่อนในเว็บไซต์กรมสรรพสามิต และคิดว่าน่าจะใช้เวลาระยะหนึ่ง เเต่ก็ไม่คิดว่าเสร็จสิ้นเร็วขนาดนี้ รู้สึกว่าพี่น้องประชาชนและพรรคก้าวไกลโดนหลอกมาตั้งนาน ที่แท้กฎกระทรวงก็เเก้ไม่ยากอย่างที่อ้าง เเละเมื่อดูรายละเอียดมีการปลดล็อคกำลังการผลิตก็จริง เเต่ก็มีการใส่ข้อจำกัดอื่น ทำให้ไม่ใช่การปลดล็อกการผลิตสุราให้รายย่อยจริง
แม้จะยกเลิกการกำหนดจำนวนทุนจดทะเบียน และกำลังการผลิตขั้นต่ำออกทั้งหมด แต่ก็มีการมาตรการเรื่องระเบียบต่างๆที่เพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมโรงงาน เช่น กรณีโรงอุตสาหกรรมสุราแช่ชนิดเบียร์ประเภทผลิตเพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต หรือที่เราเรียกกันว่าบริวผับ (Brewpub) กฎกระทรวงฉบับใหม่ กำหนดให้ต้องเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ซึ่งก็คือ จะต้องมีเครื่องจักรมากกว่า 50 แรงม้า หรือคนงานมากว่า 50 คน ทั้งที่แต่เดิมบริวผับขนาดเล็กที่มีเครื่องจักรน้อยกว่า 50 แรงม้าและจำนวนคนงานน้อยกว่า 50 คน ก็จะไม่เข้าข่ายเป็นโรงงานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ใบ รง.๔)แต่กฎหมายใหม่เข้าใจว่าเร่งรีบก็เลยเขียนสั้นๆ ไปเลยว่าต้องเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ทำให้เกิดปัญหาในทางปฎิบัติขึ้นได้ว่าบริวผับขนาดเล็กที่มีเครื่องจักรจำนวนไม่มาก จะขอใบโรงงานได้ยังไงเพราะไม่เข้าเกณฑ์เป็นโรงงานอยู่แล้ว อาจจะทำให้รายย่อยหลุดออกจากตลาดไปอีก
นายพิธาย้ำว่าการออกกฎกระทรวงนี้ไม่ได้ตอบโจทย์การปลดปล่อยอุตสาหกรรมสุราจากทุนผูกขาดที่เเท้จริง เเละยังเป็นเครื่องพิสูจน์อีกครั้งว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้สนใจประชาชน เเค่กลัวเสียหน้า กลัวขัดผลประโยชน์นายทุน ที่ พ.ร.บ. สุราก้าวหน้าจะผ่านในวันพรุ่งนี้เท่านั้น
ด้านนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.คลองสาน กทม. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ยังไม่เห็นร่างฉบับเต็ม แต่ก่อนหน้านี้เคยอ่านร่างฉบับที่ออกประชาพิจารณ์ในเว็บไซต์ พบว่ายังไม่ดีพอ เพราะยังมีการระบุถึงการให้โรงผลิตสุราต้องทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยโดยใช่เหตุ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่สามารถแสดงความเห็นได้มากนัก เพราะยังไม่ทราบว่าในรายละเอียดของร่างดังกล่าวว่าระบุอย่างไร แต่เชื่อว่า น่าจะเป็นเกมการเมือง ที่ต้องการเอาชนะกระแสสผลักดัน ร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล