ดีเอสไอนัด'ชัยวัฒน์-พวก' 4 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมคดี 'บิลลี่ พอละจี' 31 ส.ค.นี้ ก่อนส่งให้พนักงานอัยการสั่งฟ้อง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2565 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยแพร่ข่าวระบุว่า ตามที่ อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องนายชัยวัฒน์ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก รวม 4 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 13/2562 กรณี การฆาตกรรมนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ในข้อหา 'ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้ การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป' ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 289 (4) (7), 309, 310 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ
และมีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องในข้อหา 'เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดติดตัวไปด้วยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย' ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 147, 148, 337, 340, 340 ตรี ซึ่งได้เสนอข่าวไปแล้ว นั้น
ต่อมา พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษ ได้มีหนังสือลงวันที่ 18 ส.ค. 2565 ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งข้อหาแก่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก ผู้ต้องหาทั้งสี่ เพิ่มเติม ในข้อหา 'ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง' ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 309 ด้วย
กรณีดังกล่าวอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และคณะพนักงานสอบสวน คดีพิเศษ ดำเนินการ โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้นัดให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้แก่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมดังกล่าว ที่กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 7 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 31 ส.ค. 2565 เวลา 10.00 น. และเมื่อแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว จะได้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมไปยังพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป