สธ.เผยอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เห็นชอบให้ประชาชนฉีดวัคซีนโควิดรวม 3 เข็มเป็นพื้นฐาน หลังจากนี้สามารถรับได้ทุก 4 เดือน เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 เห็นชอบคำแนะนำการให้วัคซีนโควิด 19 เพิ่มเติมว่า ประชาชนทุกคนควรฉีดวัคซีนรวมเข็มกระตุ้นอย่างน้อย 3 เข็มเป็นพื้นฐาน ส่วนการฉีดหลังเข็ม 3 เนื่องจากวัคซีนทุกสูตรประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อจะลดลงในช่วง 3-4 เดือน ส่วนประสิทธิภาพในการป้องกันอาการรุนแรงลดลงไม่มาก จึงแนะนำให้ฉีดเข็มกระตุ้นหลังเข็ม 3 ได้ทุก 4 เดือน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงบุคลากรสาธารณสุข เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ทุกปีหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถกำหนดได้ แต่มีแนวโน้มว่าอาจจะต้องฉีดทุกปีเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี มีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว แต่เด็กเล็กอายุ 5-11 ปี เพิ่งได้รับการฉีดเพียง 2 เข็ม จึงต้องรออีก 4 เดือน เพื่อพิจารณาข้อมูล ซึ่งการศึกษาของ ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ และ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ได้ผลตรงกันว่า การฉีดวัคซีนสูตรไขว้ “ซิโนแวค-ไฟเซอร์” ในเด็กเล็กอายุ 5-11 ปี ภูมิคุ้มกันสูงกว่าการฉีดไฟเซอร์ 2 เข็ม ข้อดีคือ มีระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์ ทำให้ฉีดได้เร็วกว่าไฟเซอร์ที่ต้องห่างกัน 8 สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาในเด็กอายุ 6-11 ปี แบบครึ่งโดส 0.25 มิลลิลิตร (50 ไมโครกรัม) ห่างกัน 4-12 สัปดาห์ด้วย
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ร่วมกับวัคซีนตัวอื่นในวันเดียวกันได้หรือห่างกันเท่าใดก็ได้ ยกเว้นวัคซีนโควิด19 ชนิดไวรัลเวกเตอร์และวัคซีนเชื้อเป็นตัวอื่น (เช่น วัคซีน MMR, LAJE, Varicella, Hepatitis A และ Herpes Zoster) หากไม่สามารถฉีดพร้อมกันในวันเดียวกันได้ ให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 28 วัน