ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมมือกับกรมสุขภาพจิต เพิ่มศักยภาพทีม Hope Task Force ลดอัตราเสี่ยงการฆ่าตัวตาย หลังพบสถิติปี 64 มีคนฆ่าตัวตายถึง 4,810 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2565 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ร่วมกันลงนามความร่วมมือเพิ่มศักยภาพทีมปฏิบัติการพิเศษป้องกันการฆ่าตัวตาย Hope Task Force เพื่อป้องกันผลกระทบปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 และแนวโน้มการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจนสะสมและพัฒนาเป็นปัญหาสุขภาพจิตนำไปสู่การตัดสินใจฆ่าตัวตาย
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า การจัดตั้ง HOPE Task Force เป็นการรวมตัวกันของ 3 ภาคส่วนที่มีเป้าหมายเดียวกันในการรักษาชีวิตประชาชน และเป็นการนำจุดแข็งของทั้ง 3 ภาคส่วนมารวมไว้ในที่เดียวกัน กรมสุขภาพจิตมีศักยภาพในการเยียวยารักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตของประชาชน และบำบัดฟื้นฟูในระยะยาวเพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
ด้านกองบังคับการปราบปรามมีศักยภาพในการสืบสวนและประสานงานในการเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวด เร็วทั่วประเทศ และในด้าน Socia Infuencer มีความสามารถในการเข้าถึงสัญญาณเตือนที่ถูกส่งมาจากพี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็ว เมื่อนำความเข้มแข็งของทั้งสามส่วนมารวมเข้าไว้ด้วยกัน การช่วยเหลือก็จะสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจากที่การดำเนินงานของ HOPE Task Force ในระยะแรก ได้พิสูจน์โมดลความร่วมมือนี้แล้วว่าสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมหาศาล ระยะต่อจากนี้จะขยายความช่วยเหลือไปยังภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพจิตอื่น ๆ ต่อไป
พญ.อัมพร กล่าวว่า ปัจจุบันประชากรทั่วโลกเล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพจิตและการลงทุนเพื่อป้องกันและบำบัดรักษาผู้ที่เจ็บป่วยทางจิตใจ ที่อาจนำมาสู่การฆ่าตัวตาย จนทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควร จากการเก็บข้อมูลของศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายระดับชาติ พบว่าอัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย ปี 2564 มีจำนวน 4,810 คน คิดเป็นอัตรา 7.35% ต่อประชากรแสนคน ซึ่งจากการสรุปผลการทำงานระยะแรกของ HOPE Task Force ในระหว่าง ต.ค. 2563 - ก.พ. 2565 พบว่า กระบวนการดำเนินงานดังกล่าวได้ช่วยเหลือชีวิตคนที่มีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย จำนวนรวม 308 ราย
โดยประเด็นปัญหาที่พบในการฆ่าตัวตายได้แก่ สัมพันธภาพในครอบครัว ความรัก เศรษฐกิจการเงิน การเจ็บป่วย การพนัน การปรับตัว การรับประทานยาจิตเวชไม่ต่อเนื่อง การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เป็นต้น ทั้งนี้ยังพบอีกว่าผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือมีกลุ่มผู้มีประวัติการเจ็บป่วยทางสุขภาพจิต จำนวน 66 ราย ซึ่งคุณค่าจากการช่วยชีวิตประชาชน ถือว่าเป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอย่างมหาศาล