ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการ ‘ปราบผีเปรต’ ลุยค้น 4 จุด นครสวรรค์ ยึดทรัพย์ไวยาวัจกรทุจริตเงินวัดหลวงพ่อพัฒน์ นับสิบล้านบาท เจอกรุพระนับหมื่นซ่อนในกระท่อม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจ บก.ปคม. ตำรวจ บก.รฟ. ตำรวจ บก.ปอท. ตำรวจ บก.ทล. รวมกว่า 60 นาย เปิดปฏิบัติการ ‘ปราบผีเปรต’ ลุยค้น 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อตรวจค้นหาพยานหลักฐานต่างๆเพิ่มเติม รวมถึง ตามอายัดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาขบวนการทุจริตยักยอกเงินของวัดธารทหาร หรือ วัดห้วยด้วน ไปเป็นของตนเอง มาดำเนินการตรวจสอบหาที่ไปที่มาของทรัพย์สินดังกล่าว
นอกจากนี้ ปฏิบัติการดังกล่าว ยังได้มีการประสานขอสนับสนุนกำลังจากหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) กก.สืบสวน.ภ.นครสวรรค์ นำเครื่องตรวจจับโลหะ มาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้อีกด้วย เพื่อนำมาใช้สแกนตรวจหาสิ่งผิดปกติใต้พื้นดิน หลังแนวทางสืบสวนทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวบางรายมีการนำเงินที่ได้จากวัดไปแปรเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินมีค่าจำพวกทองคำ ซึ่งอาจมีการซุกซ่อนตามพื้นที่ต่างๆของบริเวณบ้าน
โดยจุดสำคัญในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้อยู่ที่บ้านเลขที่ 103/4 ม.9 ต.ธารทหาร อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นบ้านของ นายเสนาะ ทองปรอน อายุ 66 ปี ไวยาวัจกรวัดห้วยด้วน ซึ่งจากการตรวจสอบพบเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวตั้งอยู่กลางพื้นที่ ด้านหน้ามีกระท่อมหลังเล็กตั้งอยู่ 1 หลัง ส่วนด้านข้างเป็นโรงเรือนเลี้ยงหมู ด้านหลังบ้านติดลำคลอง โดยมี รถตู้ยี่ห้อโตโยต้ารุ่นมาเจสตี้ 1 คัน รถโตโยต้าฟอร์จูนเตอร์ 1 คัน โตโยต้าวีออส 1 คัน จอดอยู่ในโรงรถ ทั้งนี้จากการตรวจค้นพบเหรียญพระเครื่องทองคำ เหรียญเนื้อโลหะหลวงพ่อพัฒน์ รุ่นต่างๆ ตั้งแต่รุ่นในอดีตถึงปัจจุบัน จำนวนกว่าหมื่นองค์ เงินสดกว่าล้านบาท อาวุธปืน 4 กระบอก โฉนดที่ดินนับสิบรายการรวมมูลค่านับสิบล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ในกระท่อมที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน โดยกระท่อมหลังดังกล่าวถือเป็นจุดสำคัญที่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบเหรียญพระเนื้อทองคำ ที่มีราคาสูงถึงองค์ละ 2-3แสนบาท หลายสิบองค์ รวมถึงเงินสดอีกนับล้านบาท
สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อเดือน ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มลูกศิษย์ของพระราชมงคลวัชราจารย์(พัฒน์ปญุ ญกาโม) หรือ หลวงพ่อพัฒน์ ปญฺญกาโม เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน เข้าร้องทุกข์กับทาง บก.ปปป. ให้ช่วยตรวจสอบ กลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน และ คนใกล้ชิด ที่มีอํานาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัด หลังพบมีพฤติการณ์ต้องสงสัยทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน และ มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจนิมนต์และ การดูแลสุขภาพของหลวงพ่อพัฒน์ฯ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี พร้อมขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลเหล่านี้
ก่อนที่ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. จะนำกำลังลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนพบว่าในช่วงระหว่างปี 2563-2564 มีประชาชนผู้ใจบุญนำเงินมาทำบุญมอบให้วัดเป็นเงินรวมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีบางส่วนประมาณ 30-40 ล้านบาท ที่ทางวัดได้นำไปใช้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือ สร้างโรงเรียนให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนที่เหลือไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้ทำอะไร หรือ นำไปเก็บไว้ที่ใด เจ้าหน้าที่จึงไล่แกะรอยเส้นทางการเงิน กลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์ คือ นายเสนาะ ทองปรอน, นางชัญญา เพชรสายบัว และนางบุญเชิด สุขจิตร อย่างละเอียด ก่อนพบหลักฐานที่แน่ชัดแล้วว่าทั้ง 3 ราย มีการนําเงินของวัดไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง รวมเป็นเงิน 63,034,470 บาท จึงได้อายัติเงินดังกล่าวนำกลับมาส่งมอบคืนให้กับ หลวงพ่อพัฒน์ พร้อมกับเชิญตัวบุคคลทั้ง 3 คนมาทำการสอบปากคำและดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมเร่งติดตามเงินส่วนที่เหลืออีกหลายสิบล้านบาทนำกลับมาคืนวัด ก่อนจะมีการสรุปสํานวนการสอบสวนส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาจนมีความเห็นให้ส่งคดีดังกล่าวกลับมาให้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายและนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นดังกล่าว เพื่อสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมรวมถึงตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้ง 3 ราย มาทำการตรวจสอบที่ไปที่มาให้ชัดเจนว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากเงินวัดส่วนที่หายไปหรือไม่
โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สำหรับผลการเข้าตรวจค้นเป้าหมายทั้ง 4 จุด เป็นบ้านพักของ นายเสนาะ ทองปรอน อายุ 65 ปี , นางชัญญา เพชรสายบัว อายุ 57 ปี นางบุญเชิด สุขจิตร อายุ 58 และ นายคิมหันต์ ตลับนาค อายุ 32 ปี เบื้องต้นได้มีการตรวจยึด สิ่งของต้องสงสัยไว้จำนวนมาก รวมถึงเงินสดอีกประมาณ 3 ล้าน และ เงินในบัญชีอีกประมาณล้านกว่าบาท โฉนด 10 กว่าฉบับ รวมพื้นที่ประมาณ 3 ร้อยไร่ รถยนต์ 2-3 คัน อาวุธปืน 4 กระบอก ซึ่งหลังจากนี้จะนำของกลางส่งให้กับทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. และ สภ.หนองบัว ดำเนินการตรวจสอบ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าการปฏิบัติการคั้งนี้เป็นการทำเพื่อส่วนรวม เนื่องจากหลวงพ่อพัฒน์ ท่านเป็นพระดี มีจิตใจเมตตา เงินที่ญาติโยมบริจาคให้ก็นำไปใช้ทำนุบำรุงศาสนา ช่วยเหลือสังคม ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเข้ามาดูแลเรื่อวนี้เป็นพิเศษเพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์ถูกนำไปใช้ตามจิตศรัทธาของญาติโยม โดยขั้นตอนหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะทำการเชิญตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง 4 คน ไปทำการสอบสวน ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหานั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาพยานหลักฐาน ก่อนจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาข้อกล่าวหาต่อไป