"...ตามที่นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนพี่น้องประชาชน กรณี มีแก๊ง CALL CENTER โทรศัพท์แอบอ้างเป็น DSI หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ หลอกลวง เอาเงินของผู้เสียหาย โดยอ้างว่ากำลังถูก DSI ดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินและให้นำเงินไปเก็บไว้ในบัญชีของ ที่แจ้ง เพื่อตรวจสอบหากดำเนินการเสร็จแล้วจะโอนคืนให้ พร้อมทั้งหลอกลวงให้เดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อสอบปากคำอันเพิ่มความน่าเชื่อถือ สุดท้ายเชิดเงินหนี..."
ตามที่นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนพี่น้องประชาชน กรณี มีแก๊ง CALL CENTER โทรศัพท์แอบอ้างเป็น DSI หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ หลอกลวง เอาเงินของผู้เสียหาย โดยอ้างว่ากำลังถูก DSI ดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินและให้นำเงินไปเก็บไว้ในบัญชีของ ที่แจ้ง เพื่อตรวจสอบหากดำเนินการเสร็จแล้วจะโอนคืนให้ พร้อมทั้งหลอกลวงให้เดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อสอบปากคำอันเพิ่มความน่าเชื่อถือ สุดท้ายเชิดเงินหนี โดยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แนะนำวิธีการสังเกตและรับมือเรื่องดังกล่าวไปแล้ว แต่ปรากฏว่ายังมีพี่น้องประชาชนที่ยังตกเป็นเหยื่อของคนร้ายอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งเมื่อวันที่ 8 - 9 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ ยังมีผู้เสียหายหลงเชื่อเดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามคำหลอกลวงจำนวนหลายราย และบางรายมีการทำธุรกรรมโอนเงินให้กับคนร้ายต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก
ในวันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงขอเน้นย้ำวิธีการสังเกตและรับมือเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการเตือนภัย ดังนี้
1. ไม่มีเจ้าหน้าที่ของ DSI หรือของรัฐติดต่อประชาชนทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับการเงิน เลขบัญชี หรือให้โอนเงิน หรือทำธุรกรรมทางการเงินใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่มีการนัดหมายให้มาพบนอกวัน เวลาราชการ หากพบพฤติกรรมดังกล่าวให้วางสายทันที เพื่อไม่ให้ถูกพูดจาหว่านล้อมจนหลงเชื่อ
2. หากท่านหลงเชื่อและมีการโอนเงินให้คนร้ายไปแล้ว ให้รีบแจ้งความกับพนักงานสอบสวนท้องที่ ที่เกิดเหตุการณ์นั้น และรีบติดต่อธนาคารเพื่อระงับการทำธุรกรรมโดยเร็วที่สุด
กรณีดังกล่าว แม้จะมิใช่คดีพิเศษ แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษมิได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากมีประชาชนหลงเชื่อเพราะเหตุจากแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงมอบหมายให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว สืบสวนจนทราบว่าเป็นขบวนการของต่างประเทศ โดยใช้เครือข่ายคนไทยด้วยกันเองเป็นผู้หลอกลวง มีการใช้โทรศัพท์ผ่านระบบ Voice Over Internet Protocal (VOIP) และใช้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประเทศไทยในการหลอกลวงด้วย โดยเป็นการโทรมาจากบริเวณตะเข็บชายแดน มีการจัดหาบัญชีม้าที่เป็นของคนไทยเพื่อใช้ในการรับโอนเงินโดยเจ้าของบัญชี จะเปิดการใช้งานในรูปแบบ E-banking เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มผู้กระทำความผิด บางรายจะจดทะเบียน
หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้พร้อมบัญชีเงินฝาก เพื่อใช้ในการโทรติดต่อหลอกลวง ซึ่งจากการตรวจเส้นทางการเงินพบว่ามีการโอนเงินจำนวนหลายทอด ไม่น้อย 4 ลำดับชั้นบัญชี เพื่อหลีกเลี่ยงการอายัดบัญชีเงินฝาก รวมทั้งพบการธุรกรรมผ่าน E-banking ในประเทศเพื่อนบ้านด้วย โดยอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลและประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจับกุมดำเนินคดีและยึดทรัพย์ต่อไป
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอฝากถึงกลุ่มคนไทยที่ยอมตัวเป็นเครื่องมือของคนต่างชาติที่มาหลอกลวง คนไทยด้วยกันว่าขอให้หยุดการกระทำ เพราะผู้ที่เสียหายอาจกลายเป็นบุคคลในครอบครัวของท่านเอง และท่านยังอาจถูกดำเนินคดีและยึดทรัพย์ด้วย สำหรับผู้มีข้อมูลหรือเบาะแสในเรื่องดังกล่าว สามารถส่งข้อมูลมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขที่ 128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 เว็ปไซต์ www.dsi.go.th หรือโทรสายด่วน 1202 (โทรฟรีทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเก็บรักษาข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ