ตำรวจเตือนผู้ร่วมชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า ทำกิจกรรมเดินคล้องแขน เสี่ยงติดโควิด เผยเน้นรักษาความสงบเรียบร้อย ยันประกาศแจ้งเตือนตลอด ก่อนมีเหตุรุนแรงจำเป็นต้องใช้กำลัง ยอมรับการปฏิบัติอาจประทบประชาชน
--------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2564 พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆทางการเมืองว่า ในวันนี้กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้าประกาศทำกิจกรรมชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 15.00 น. และเคลื่อนที่ไปถนนวิภาวดีรังสิต อย่างไรก็ตาม ทาง บช.น.เตรียมความพร้อมมีจัดกำลังสามารถรักษาความสงบเรียบร้อยได้ การปฏิบัติของ บช.น.เน้นเรื่องการปฏิบัติรักษาความสงบเรียบร้อย หากพิจารณาไม่มีเหตุการณ์รุนแรงจะปฏิบัติหน้ารักษาความสงบเรียบร้อยจนกกว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นและไม่ให้กระทบกับพี่น้องประชาชนสามารถใช้ชีวิตโดยปกติได้ การปฏิบัติกระทำภายในกรอบกฎหมายที่กระทำได้ ขอความกรุณาประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ชุมนุม การชุมนุมดังกล่าวเป็นความผิดได้รับผลกระทบเรื่อยๆ เนื่องจากอยู่ในการแพร่ระบาดของโรคโควิด
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจเจอกลุ่มผู้ชุมนุมทุกครั้งต้องปะทะว่า หลักเกณฑ์การปฏิบัติหน้าที่ตำรวจชัดเจนว่า ถ้าผู้ชุมนุมไม่ใช่ความรุนแรง ตำรวจก็จะทำการักษาความสงบเรียบร้อย กรณีที่มีการดำเนินการระหว่างการชุมนุม บางครั้งตำรวจสืบทราบว่ามีการสะสมอาวุธก่อเหตุความรุนแรงจึงเข้าระงับเหตุเพื่อให้เหตุการณ์คลี่คลาย การชุมนุมครั้งสุดท้ายบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทั่งวางเพลิงเผาทรัพย์สร้างความเดือดร้อนให้กับกลุ่มบุคคล เมื่อระงับเหตุเสร็จก็สั่งกำลังกลับเข้าสู่ที่ตั้ง หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมก็เคลื่อนที่ไปที่สามเหลี่ยมดินแดงและเผาทำลายทรัพย์สินรถยนต์ ป้อมจราจรของ บช.น.จึงเข้าระงับเหตุ หลักการทำงานเป็นรูปแบบนี้
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า จากคำถามที่ผู้สื่อข่าวถามว่าเจอหน้ากันบึ้มเลยนั้นคงไม่ใช่ข้อเท็จจริง เน้นการรักษาความสงบ การดำเนินการทุกครั้งก็อยู่ในกรอบของกฎหมาย ยืนยันว่าเป็นไปตามหลักของกฎหมาย ดำเนินการตามสถานการณ์ ส่วนที่ผ่านมาการใช้กำลังโดยไม่มีการแจ้งเตือนนั้น ขณะนี้มีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ประกาศมาโดยต่อเนื่อง หากมีคนถูกยิงมาจะประกาศแจ้งเตือนทันหรือไม่ เนื่องจากมีการประกาศต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้น แต่ยืนยันว่าตำรวจดำเนินการภายในกรอบของกฎหมาย หากกระทบกับประชาชนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามหลีกเลี่ยง ไม่มีเจตนาไล่ตีประชาชน หรือคนมาร่วมชุมนุมไม่มีเหตุก็ไม่เข้าไประงับเหตุ
"ฝากเตือนผู้ชุมนุมการชุมนุมเป็นความผิด ทางตำรวจมีการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงคนมาชุมนุมมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด แม้บางครั้งยอมรับว่าการปฏิบัติหน้าที่บางครั้งกระทบกับประชาชน ขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณดังกล่าว ไม่ใช่ผู้ชุมนุมแต่มีการประกาศว่าจะชุมนุม แล้วอาจจะไม่ไปในจุดที่ชุมนุมที่อื่น แต่หลังครั้งที่ผ่านมายอมรับว่ามีความรุนแรงเกิดขึ้น หลายครั้งที่ผ่านมามีการชุมนุมเป็นเวลานาน มีประชาชนโดยรอบได้รับผลกระทบ ขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิต่อไป" พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีเด็กที่จุดประทัด และระเบิดใส่มือจนได้รับบาดเจ็บสาหัส มีการกล่าวหาตำรวจว่ายัดใส่มือเด็กนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ความเชื่อกับดุลยพินิจเป็นเรื่องส่วนตัว ปัจจุบันข้อมูลต่างๆ ในโซเซี่ยลมีเดียสามารถหาและตรวจสอบได้ มีข้อมูลครบถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจขอให้เราตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วน เมื่อตรวจสอบข้อมูลไม่ครบถ้วนหลงเชื่อไปเลย หากมีการเผยแพร่ข่าวสาร ถ้าเข้าองค์ประกอบความผิดก็จะต้องดูดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า กรณีมีการนัดหมายทำกิจกรรม 'คาร์พาร์ค' ในวันที่ 15 ส.ค.นี้ เบื้องต้นทราบว่า จะมีการจัดกิจกรรมหลายจังหวัดคู่ขนานกันไป ฝากเตือนว่านอกจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้ว ยังสุ่มเสี่ยงกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ส่วนในพื้นที่ กทม. คงมีการจัดกิจกรรม ที่หลากหลายคล้ายกับต่างจังหวัด ตำรวจเตรียมได้ความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อย ถ้ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายจะถูกดำเนินคดีภายหลัง และเข้าระงับเหตุหากสถานการณ์รุนแรง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage