ผู้ต้องขังติดเชื้อใหม่ 79 ราย หายป่วยเพิ่ม 218 ราย ราชทัณฑ์เผยสถานการณ์โควิด รักษาหาย 94.3% พร้อมเตรียมแผนเข้ม ป้องกันเชื้อ-รับมือการระบาด-ฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกัน
..............................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2564 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 79 ราย หายป่วยเพิ่ม 218 ราย รวมยังมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 1,814 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตติดต่อกันเป็นวันที่ 5
นายอายุตม์เปิดเผยว่า สถานะเรือนจำในวันนี้ยังคงเดิมต่อเนื่อง คือ เรือนจำสีขาวไม่พบการระบาด 120 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 13 แห่ง โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากเรือนจำสีแดง 29 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 50 ราย มีผู้ป่วยที่รักษาหายสะสม 35,857 ราย หรือ 94.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 38,006 ราย สำหรับผู้ต้องขังที่ยังรักษาตัวอยู่ เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 68.9% สีเหลือง 30.4% และสีแดง 0.7% ผู้เสียชีวิตสะสม 47 ราย หรือ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสม
นายอายุตม์กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน มีเรือนจำสีแดงที่ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 แห่ง คือ เรือนจำกลางสมุทรปราการ เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี เรือนจำกลางสงขลา ทัณฑสถานหญิงสงขลา เรือนจำกลางนครปฐม เรือนจำพิเศษมีนบุรี สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี และเรือนจำอำเภอธัญบุรี นอกจากนี้ มีอีก 4 แห่ง ที่ควบคุมการระบาดได้แล้วและคาดว่าจะปรับลดสถานะจากเรือนจำสีแดงได้เร็วๆ นี้ คือ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา และทัณฑสถานหญิงกลาง
ส่วนเรือนจำสีขาว ได้เน้นย้ำการเฝ้าระวังเชื้อจากภายนอกเป็นพิเศษ 3 ด้าน คือ 1.ด้านการป้องกัน ทั้งจากเจ้าหน้าที่โดยการสลับเวรปฏิบัติงานแยกเป็นชุด และการกักโรคและคัดกรองโรคในผู้ต้องขังรับใหม่ที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด 2.ด้านการเตรียมแผนรับมือ ทั้งในกรณีที่เกิดการระบาดภายใน หรือการติดเชื้อจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ในห้องแยกกักโรค และ 3.ด้านการบริหารจัดการวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังที่ต้องครบตามแผน รวมถึงการพิจารณาแนวทางเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อได้อย่างครอบคลุม ตามแนวทางระบาดวิทยาของเชื้อที่มีมากขึ้น
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage