ปฏิบัติการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหาดเลพัง 178 ไร่ สะดุด! กลุ่มผู้คัดค้านรวมตัวขัดขวางคณะนายก อบต.เชิงทะเล อ.ถลาง ภูเก็ต เข้าพื้นที่อ้างมีฟ้องคดีใหม่แล้ว-ก่อนโดนยื่นขอออกหมายจับ ด้าน ผอ.สนง.บังคับคดียันต้องทำตามคำสั่งศาลเท่านั้น
..................................
สืบเนื่องจากศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 4537-4543/2560 เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2560 ให้ที่ดินพิพาทริมหาด เลพัง-ลายัน หมู่ที่ 4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 178 ไร่ มูลค่าประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งครอบครองโดยเอกชน 6 ราย (เอกชนเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่และหน่วยงานรัฐเป็นจำเลย) เป็นที่สาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2560 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายโดยทันที ติดประกาศให้เอกชนผู้ครอบครอง จะต้องย้ายออกจากพื้นที่พิพาทภายใน 30 วัน
(อ่านประกอบ : ฉบับเต็ม!คำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่ดินริมหาด จ.ภูเก็ต 1.2 หมื่นล.-พ.อ.พยานเอกชน, ศาลฎีกาฯให้เอกชนรายใหญ่ออกจากพื้นที่สาธารณะริมหาด จ.ภูเก็ต มูลค่าหมื่นล.)
ล่าสุด ทีมข่าวพิเศษสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา นายมาแอ่น สำราญ นายก อบต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมกับนายปวีณ กุมาร ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนอำเภอถลาง ตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวของ พร้อมด้วยนิติกรเจ้าของสำนวน ได้นำเครื่องจักรกลหนัก เพื่อเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ปลูกอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
แต่ปรากฏว่ามีผู้แสดงตนคัดค้านการรื้อถอน พร้อมระบุว่า ได้มีการฟ้องร้องคดีใหม่แล้ว เรื่องอยู่ในชั้นศาลจังหวัดภูเก็ต เบื้องต้นทางคณะฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับต่อศาลจังหวัดภูเก็ตกับกลุ่มคนที่ขัดขวางการรื้อถอนของเจ้าหน้าที่แล้ว
ขณะที่ผู้ครอบครองบางราย ได้ร้องขอต่อรองคณะเจ้าหน้าที่ฯ เพื่อขอรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเก็บอุปกรณ์ใช้สอยด้วยตนเอง โดยคณะฯ ได้พิจารณาให้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 7 วัน
นายปวีณ กุมาร ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดภูเก็ต ให้สัมภาษณ์ว่า ได้แจ้งให้ผู้คัดค้านทราบว่า ในการคัดค้านเจ้าพนักงานพร้อมรับฟัง แต่ทางเจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการเสนอรายชื่อผู้คัดค้านเพื่อให้ศาลออกหมายจับกุมบุคคลนั้นไปไต่สวนตามขั้นตอนทางกฎหมาย
“การรื้อถอนหรือคดีนี้จะหยุดลงได้ต่อเมื่อศาลสั่งให้หยุด แต่ถ้าศาลไม่สั่งให้หยุดการรื้อถอนนี้ต้องเกิดขึ้นต่อไป ส่วนการขยายเวลาขึ้นอยู่กับจำเลยที่ศาลฎีกาสั่งให้ชนะคดี ในเวลานี้ คือ นายก อบต.เชิงทะเล”
อนึ่งก่อนหน้านี้ ภายหลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 4537-4543/2560 เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2560 ให้ที่ดินพิพาทริมหาด เลพัง-ลายัน หมู่ที่ 4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 178 ไร่ มูลค่าประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท แล้ว เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2560 ที่ผ่านมา ทีมข่าวพิเศษสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าว พบว่า ได้มีบุคคลขึ้นป้ายสีแดงตัวหนังสือสีขาวข้อความว่า ประกาศ เรื่องที่ดินแปลงนี้มีเอกสารแสดงสิทธิ์ในที่ดินซึ่งผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเป็นประชาชนบุคคลภายนอกสามารถแสดงอำนาจพิเศษได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจึงไม่ผูกพันตามคำพิพากษาศาลฎีกา4537-4543/2560 เมื่อเจ้าของที่ดินมีพยานหลักฐานสำคัญที่ปรากฏขึ้นใหม่ในการพิสูจน์สิทธิ เจ้าของที่ดินชอบที่จะนำคดีขึ้นว่ากล่าวเพื่อแสดงว่าตนมีสิทธิดีกว่าต่อศาลนั้นได้ เมื่อกฎหมายเปิดโอกาสให้เจ้าของที่ดินสามารถใช้สิทธิทางศาล ขอได้โปรดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้โอกาสประชาชนที่ครอบครองที่ดินสามารถต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปด้วย ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะกระทำอันใดเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ ให้เป็นที่เสื่อมสิทธิก่อนที่คดีของเจ้าของที่ดินจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด เจ้าของที่ดินจะดำเนินคดีตามกฎหมายแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างเด็ดขาดต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2560
ขณะที่ นายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ อบต.ทราบเรื่องว่ามีการติดป้ายโดยไม่ทราบว่า เป็นใครและถ่ายภาพมารายงานตน ตนได้รายงาน ไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายอำเภอ และ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งหากดูพื้นที่ปักป้ายและแผนที่ดิน น่าจะปรากฏชัดว่า อยู่ในที่ดินผืนใหญ่ 40 ไร่ ในจำนวน 178 ไร่ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา ซึ่งพื้นที่ทั้งหมด นั้น หาก ดูการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศที่อ่านแปลโดยผู้เชี่ยวชาญศาล ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในปี 2510 ภาพจะเห็นชัดว่า เป็นพื้นที่ชายหาดและทะเล แต่ตนเกิดในปี 2509 จึงอาจจะไม่ทราบพื้นที่จริง แต่ เมื่อมาดูการอ่านแปลเมื่อปี 2518 ตอนนั้นตน อายุ 9 ปี ภาพที่ปรากฏบริเวณนี้ ก็เป็นพื้นที่ ที่ พวกเราใช้เดินเต่า และเป็นพื้นที่ชายหาด และเมื่อมาถึงในเวลานี้ คำตอบที่สรุปได้คือ ต้องย่อมรับว่า เป็นพื้นที่ดินงอก
“ถึงแม้ว่าป้ายไม่ได้ลงชื่อแต่ในพื้นที่ชัดและทั้งชายหาดที่มีการปักป้ายแสดงพื้นที่อาณาเขตตามคำพิพากษาและพื้นที่ที่กรมสอบสวนรับเป็นคดีพิเศษแล้ว มีผู้ที่อาศัยอยู่ในที่ดินมากกว่าครึ่ง หรือประมาณ 4-5 รายที่ย่อมส่งคืนพื้นที่ให้รัฐโดยดี คงมีไม่กี่รายที่ยังพยายามต่อต้าน” นายก อบต.เชิงทะเลกล่าว
อ่านประกอบ:
ดูชัดๆภาพถ่าย-รายชื่อเจ้าของที่ดิน 15 แปลงริมหาดเลพัง จ.ภูเก็ต 200 ไร่ 1.4 หมื่นล.
ดีเอสไอปิดหมายยึดที่ดินริมหาด จ.ภูเก็ต 1.2 หมื่นล. จากเศรษฐี 6 ราย ให้พ้นใน 30 วัน
เปิดตัว-คำให้การชัดๆ พยานปากเอก อยู่เบื้องหลังคดีที่ดินริมหาด จ.ภูเก็ต 1.2 หมื่น ล.
ฉบับเต็ม!คำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่ดินริมหาด จ.ภูเก็ต 1.2 หมื่นล.-พ.อ.พยานเอกชน
ศาลฎีกาฯให้เอกชนรายใหญ่ออกจากพื้นที่สาธารณะริมหาด จ.ภูเก็ต มูลค่าหมื่นล.
อีกแปลงที่ดินสาธารณะ!ศาลให้เอกชนแพ้คดี -ดีเอสไอขยับยึด 178 ไร่ริมหาด จ.ภูเก็ต
เมินคำพิพากษาศาลฎีกา! มือมืดขึ้นป้ายต้าน ยันมีกรรมสิทธิ์ที่ดิน หาดเลพัง จ.ภูเก็ต
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage