DSI รับกรณี บ.เอกชนชักชวนร่วมลงทุนโครงการเพชรบุรีปาร์ค หลอกชาวต่างชาติ เสียหายกว่า 3,400 ล้าน เป็นคดีพิเศษ สอบพบเอกสารสิทธิ์บางส่วนส่อทับซ้อนกับเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก – เขาปุ้มเกือบ 500 ไร่
.......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สืบเนื่องจากเมื่อ วันที่ 10 ก.พ. 2564 พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจโท สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการ “Phetchaburi Park Project” ซึ่งประกอบด้วย โรงแรม คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว สวนอาหาร และสวนน้ำ ในพื้นที่กว่า 555 ไร่เศษ ตั้งอยู่ที่ ต.ไร่โคก อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ถูกร้องเรียนจากชาวต่างชาติว่า บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง หลอกให้ลงทุนในธุรกิจอาคารชุดหรือทรัพย์สินในโครงการเพชรบุรีปาร์ค ท้องที่ตำบลไร่โคก อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี มีผู้ตกเป็นเหยื่อทั้งคนไทยและคนต่างชาติ มีความเสียหายจำนวนมาก
ความคืบหน้า ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ รับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เพื่อทำการสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และทำความจริงให้ปรากฏแล้ว
วันที่ 28 พ.ค.2564 กรมสอบสวนคดีพิเศษเผยแพร่ว่า สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา อุปนายกและเลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ปฏิบัติหน้าที่นายกสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบกรณีได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวต่างชาติว่า ถูกบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง หลอกให้ลงทุนในธุรกิจอาคารชุดหรือทรัพย์สินในโครงการเพชรบุรีปาร์ค ท้องที่ตำบลไร่โคก อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี มีผู้ตกเป็นเหยื่อทั้งคนไทยและคนต่างชาติ มีความเสียหายจำนวนมาก
กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ และกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีคำสั่งให้สืบสวนเป็นเรื่องสืบสวนที่ 37/2564 โดยให้กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ได้มีบริษัท นิว นอร์ดิค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) จำนวน 21 แปลง เนื้อที่รวม 555-1-49 ไร่ บริเวณตำบลไร่โคก อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี มาเพื่อจัดทำโครงการเพชรบุรี ปาร์ค ประกอบด้วย โรงแรม คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว สวนอาหาร สวนน้ำ ครบวงจร จากนั้นได้นำเอาโครงการดังกล่าว ออกโฆษณาขายให้กับประชาชนทั้งในและต่างประเทศ โดยมีรายละเอียดอธิบายเกี่ยวกับห้องชุดและผลตอบแทนการลงทุน เพื่อเชิญชวนประชาชนเข้ามาซื้อหรือลงทุนในโครงการ มีการโฆษณาชักชวนต่อบุคคลโดยทั่วไป มีการเสนอจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนเงินคืนให้กับผู้ที่นำเงินมาร่วมลงทุนกับโครงการ ร้อยละ 10 ต่อปีของการชำระเงินเต็มจำนวน คิดเฉลี่ยจ่ายเป็นรายเดือนเริ่มตั้งแต่เดือนถัดมานับจากการชำระเงินเต็มจำนวนจนกระทั่งโครงการได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ทำให้มีผู้ให้ความสนใจนำเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูลพบว่าเป็นจำนวนเงินถึง 3,400 ล้านบาท
นอกจากนั้นยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าพื้นที่ที่นำมาจัดทำโครงการ เป็นพื้นที่อยู่ในบริเวณที่มีกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมที่ไม่สามารถนำประกอบกิจการตามโครงการได้และบริษัทฯ ได้ทราบข้อเท็จจริงมาโดยตลอด อันอาจชี้ให้เห็นเจตนาว่าบริษัทฯ ไม่ได้จะมีการก่อสร้างโครงการจริง และในส่วนของการจ่ายค่าตอบแทนการลงทุนนั้น พบว่าในช่วงแรกบริษัทฯ มีการจ่ายเงินคืนให้กับผู้นำเงินมาร่วมลงทุน จำนวน 3 เดือนบ้าง 6 เดือนบ้าง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการจ่ายเงินคืนให้กับผู้ร่วมลงทุนอีก แม้ว่าต่อมา ผู้ร่วมลงทุนจะได้มีการติดตามทวงถามเพื่อขอให้บริษัทฯ คืนเงินที่ร่วมลงทุน แต่บริษัทฯ ก็ได้บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนเงินมาโดยตลอด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการประกาศอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ในการกู้ยืมเงินจากประชาชนไว้ที่ร้อยละ 3.80 ต่อปี ดังนั้นอัตราผลประโยชน์ตอบแทนที่บริษัทนิว นอร์ดิค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จ่ายให้กับผู้ร่วมลงทุนจึงสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ การกระทำของบริษัทฯ จึงเข้าข่ายมีลักษณะเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 รวมทั้งในการสืบสวนยังพบข้อสงสัยเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์บางส่วนว่าอาจทับซ้อนกับเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก - เขาปุ้ม ถึงประมาณ 499 ไร่ และมีข้อสงสัยอื่นๆ เกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์ซึ่งจะดำเนินการสืบสวน ต่อไป
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องสืบสวนดังกล่าว เป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) (ก) (ข) และ (ค) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อันมีลักษณะการกระทำความผิดตามประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 เรื่อง กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มีคำสั่งให้รับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เพื่อทำการสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และทำความจริงให้ปรากฏต่อไป
เนื่องจากกรณีดังกล่าว ปรากฏผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวต่างชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ข้อมูลและให้ปากคำ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามมายัง กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ที่สายด่วน DSI Call Center 1202 (โทรฟรีทั่วประเทศ)
ข่าวเกี่ยวข้อง: 'ดีเอสไอ' ลุยสอบโครงการเพชรบุรีปาร์ค หลังโดนร้องเอาที่ป่าสงวนหลอกขายต่างชาติ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage