นายกฯ เผยแผนแก้โควิดคลัสเตอร์เรือนจำ ปิดกั้นพื้นที่-ห้ามเข้าเยี่ยมจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ย้ำปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้คนทุกกลุ่ม เริ่มลงทะเบียนผ่านหมอชนะ 31 พ.ค. ตั้งเป้า กทม.รับวัคซีนเข็มแรก 5 ล้านคนภายใน ก.ค.
-------------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราพบว่าสถานการณ์โควิดใน กทม.และปริมณฑล อยู่ในระดับทรงตัว แม้จะสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อได้บางพื้นที่ แต่ยังมีคลัสเตอร์ใหม่ที่เกิดขึ้นมาอีก ทำให้ต้องเรรบกประชุมผุ้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเป็นการด่วนเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยผลการประชุมสรุปว่าจะเร่งแก้ไขปัญหาการติดเชื้อในเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ ตรวจเชิงรุกให้มากที่สุด ตั้งโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ คัดแยกผู้ป่วยออกมารักษา ส่วนผู้มีอาการรุนแรงจะนำตัวออกมารักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทางตามระบบต่อไป เราจะให้การดูแลรักษาผู้ติดเชื้ออย่างดีที่สุดด้วยความเท่าเทียม ทั้งนี้เรือนจำเป็นระบบปิด มีโอกาสแพร่เชื้อสู่ชุมชนได้น้อยมาก จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการเข้าเยี่ยมจากภายนอกจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
@ ซีลเรือนจำ - ลุยตรวจเชิงรุกพื้นที่เสี่ยงใน กทม.
ส่วนพื้นที่อื่นๆใน กทม.และปริมณฑล จะเดินหน้าตามแนวทางที่ทำสำเร็จมาแล้วคือระดมตรวจเชิงรุก คัดแยกผู้ป่วย ส่งตัวรักษา และระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะควบคู่ไปกับการบังคับใช้มาตรการอย่างเคร่งครัด ทัง้นี้ได้สั่งการให้ ศบค.ออกตรวจพื้นที่เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นแคมป์คนงานก่อสร้าง โรงงาน และสถานที่อื่นๆใน กทม.ทั้งหมด
สำหรับสถานที่การระบาด รวมถึงในเรือนจำจะใช้มาตรการ Bubble and Seal ปิดกั้นการเดินทางเข้าออกในสถานที่เหล่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ภายนอก ทีมแพทย์เชื่อว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยเร็ว โดยจะติดตามสถานการณ์วันต่อวัน
อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมคลัสเตอร์เรือนจำ สถานการณ์ค่อนข้างทรงตัว และต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยที่หายป่วยเป็นจำนวนมาก วันนี้มีเกือบ 7 หมื่นคนที่หายป่วยแล้ว
@ ย้ำ 3 แนวทางกระจายวัคซีนโควิด
อีกประเด็นสำคัญคือการฉีดวัคซีนที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีแผนกระจายวัคซีน 3 ช่องทาง คือ
1.ระบบหมอพร้อม มีคนลงทะเบียนแล้ว 7 ล้านคน สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และจะเปิดให้คนที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ลงทะเบียนได้ในวันที่ 31 พ.ค.2564 โดยสามารถจองคิวฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลและวันเวลาที่เลือกเอง และรับรองได้ว่าจะได้รับวัคซีนในเวลาดังกล่าวอย่างแน่นอน ซึ่งกรณีนี้รวมถึงระบบอื่นๆของจังหวัด เช่น จ.ภูเก็ต ใช้คำว่า ภูเก็ตชนะ หลายจังหวัดก็ดำเนินการของตัวเองอยู่แล้ว
2.วิธีเสริมจากระบบหมอพร้อม เพื่อให้ประชาชนรับวัคซีนได้มากและเร็วที่สุด คือ ลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีน ซึ่งจะทำได้ในกรณีทีมีวัคซีนเพียงพอ ขอย้ำว่าจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีวัคซีนเพียงพอ เราได้พิจารณาจัดเตรียมช่องทางนี้เพื่อให้เกิดความพร้อมมากที่สุด หากไม่พอ ก็ต้องนัดเป็นวันใหม่ และไม่อยากให้ทุกคนผิดหวัง
3.กระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ให้กับกลุ่มเฉพาะ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มที่มีความจำเป็นพิเศษ หรือมีความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจ เช่น บุคลากรแพทย์ บุคลากรด่านหน้า อสม. ตำรวจ ทหาร พนักงานด้านการบิน ครู อาจารย์ ผู้ขับขี่รถยนต์และจักรกยานยนต์สาธารณะ พนักงานโรงแรม คณะผู้แทนทางการทูต นักธุรกิจ นักเรียน นักศึกษา ที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ บุคลากรโรงงาน คนพิการ ภาคบริการ อาหารและยา และกลุ่มอื่นๆ สามารถยื่นเรื่องให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาต่อไป
@ กทม.รับวัคซีนเข็มแรก 5 ล้านคนภายใน ก.ค.
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เรามีเป้าหมายว่าจะระดมฉีดวัคซีนแบบปูพรมในพื้นที่ กทม. ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคนหรือ 70% ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายใน 2 เดือน คือช่วง มิ.ย.-ก.ค. นอกจากโรงพยาบาลและจุดฉีดหลักแล้ว เรายังมีจุดฉีดเสริมอีก 25 จุดกระจายรอบพื้นที่ กทม. รวมถึงสถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ แรงงานต่างๆ เข้าถึงวัคซีนได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยที่ผ่านมาการวางระบบอาจมีปัญหาติดขัดบ้าง หรือเกิดความไม่ชัดเจน ไม่เข้าใจ แต่ได้ติดตามเร่งรัดให้มีการปรับปรุงโดยเร็ว ต้องขออภัยที่อาจทำให้เกิดความไม่สะดวกอยู่บ้าง แต่ขออยืนยันว่าคนไทยจะได้รับวัคซีนอย่างแน่นอน เรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง มากเพียงพอ และพร้อมให้บริการในต้นเดือน มิ.ย. อย่างแน่นอน
@ สั่งทุกหน่วยงานจับตา-ชี้แจงเฟกนิวส์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้เน้นย้ำในที่ประชุม ครม. ถึงการชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนเกี่ยวกับมาตรการต่างๆของรัฐบาลและ ศบค.ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและเกิดความเสียหายต่อสังคม เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามมาตรการที่ได้วางไว้โดยเฉพาะการรณรงค์ให้ประชาชนได้ฉีดวัคซีน เพื่อให้ประเทศเดินต่อได้ หากใครมีเจตนาเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ย่อมมีความผิดตามกฎหมายและอาจถูกดำเนินคดีได้ จึงขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานของรัฐให้มีความเข้มงวด ตรวจสอบข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานตลอดเวลา และขอให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเร็วทันที หากเป็นการทำผิดกฎหมายขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมถึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนและผู้ใช้สื่อให้ใช้ความระวังเป็นพิเศษมากยิ่งขึ้น และขอบคุณประชาชนที่ช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งความไปยังเจ้าหน้าที่ด้วย
@ ปูพรมฉีดวัคซีนให้คนทุกกลุ่ม-ทุกวัย
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า สำหรับมาตรการที่มีการผ่อนคลายไปแล้ว เช่น อนุญาตให้พื้นที่สีแดงเข้มนั่งรับประทานอาหารได้ในร้าน โดยจำกัดจำนวนคน เป็นความพยายามที่เราจะช่วยเหลือธุรกิจร้านอาหาร โดยได้ผ่านการพิจารณาจากคณะที่ปรึกษาอย่างรอบคอบ นอกจากนั้นยังได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม กองทัพไทย ควบคุมการลักลอบเข้าประเทศจากชายแดนที่มีความเสี่ยงสูงสุด พร้อมย้ำว่าหากเจ้าหน้าที่คนใดแสวงหาผลประโยชน์บนความเสี่ยงของประเทศชาติ จะต้องลงโทษให้หนักที่สุดโดยไม่มีการยกเว้น
“ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่าการฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ต้องเร่งดำเนินการให้ทุกอย่างขับเคลื่อนออกไปได้ นโยบายของผมคือการเดินหน้าปูพรมฉีดเข็มแรกให้เร็วและเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมได้ตัดสินใจว่าจะไม่รอให้คนวัยหนึ่งวัยใด กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้รับวัคซีนจนครบก่อน จึงจะเปิดให้คนกลุ่มอื่นได้รับวัคซีน แต่จะปรับแผน เปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มที่มีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นวัยใด เข้าถึงวัคซีนได้มากน้อยตามปริมาณที่เรามีอยู่ โดยเฉพาะวัยทำงาน เพื่อปกป้องคนทำมาหากินที่เป็นกำลังหลักในการหาเลี้ยงคนในบ้าน เพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพต่อ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เราจะเอาชนะโควิดไปได้อย่างไร คำตอบก็คือ เราจะชนะไปได้ด้วยการเดินหน้าไปพร้อมกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ดูแลกันและกันให้ดีที่สุด เราจะสู้ไปด้วยกัน ประเทศไทยต้องดีขึ้น ด้วยความร่วมมือร่วมมือใจ ความรักความสามัคคีของคนในชาติ เพราะเราทุกคนคือทีมประเทศไทย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/