พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่น ป.ป.ช.ไต่สวน ‘บิ๊กตู่’ บริหารจัดการโควิด-19 ล้มเหลว ไม่ยึดประโยชน์ประเทศชาติ ไร้ความซื่อสัตย์สุจริต ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้เกิดระบาดทั้ง 3 ระลอก ไม่ลงโทษ ส.ส.-รมต. ไม่ขวนขวายจัดหาวัคซีนให้เพียงพอต่อประชาชน
...............................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย พร้อมด้วยแกนนำและ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน มายื่นเรื่องร้องเรียนกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กรณีการบริหารจัดการโควิด-19
โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นหนังสือต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. ผ่านนายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. เป็นผู้รับมอบหนังสือแทน โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า ขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็น กรณี พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. มีพฤติการณ์ไม่สุจริตส่อไปในทางทุจริต ไม่ถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน และรู้เห็นหรือยินยอมให้ข้าราชการในปกครองใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 26, 47, 53, 55, 62, 164, 234 และมาตรา 235 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 , พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 , พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ.2520 , พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 28 (1), (2) และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
พรรคร่วมฝ่ายค้าน ระบุว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 รัฐบาลบริหารประเทศโดยไม่ยึดประโยชน์ของชาติ นายกรัฐมนตรีและประธาน ศบค. ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวล ไม่ยึดหลักนิติธรรม เห็นประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องสำคัญกว่าประโยชน์ของชาติและประชาชน ปล่อยให้ผู้ที่ตนเองแต่งตั้งและบุคคลใกล้ชิดมาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยยกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีการเกิดการกักตุนหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์และการส่งออกหน้ากากอนามัยไปต่างประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้หน้ากากอนามัยขาดตลาดและมีราคาแพง ซึ่งเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วนายกรัฐมนตรีกลับละเว้นไม่ตรวจสอบรัฐมนตรีและผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต
นอกจากนี้ในการรับมือการระบาดของโรคทั้ง 3 รอบที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์จงใจไม่ดูแลให้ปฏิบัติตามกฎหมายและบังคับใช้กฎหมาย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้เกิดการระบาดของโรค ตั้งแต่การระบาดรอบแรก มีต้นเหตุมาจากการจัดแข่งขันชกมวยของกองทัพบกที่สนามมวยลุมพินี ฝ่าฝืนประกาศกระทรวงสาธารณสุขจนเกิดซูเปอร์สเปรดเดอร์ (Super Spreader) ในระบาดรอบสอง ได้เกิดกลุ่มก้อนใหญ่การแพร่ระบาด (Cluster) ที่ตลาดกลางกุ้ง จังหวัดสมุทรสาคร เพราะรัฐบาลปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจเข้มงวดกับปัญหาแรงงานต่างด้าวและการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย
ส่วนการระบาดรอบสามซึ่งเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์อังกฤษจากแหล่งท่องเที่ยวย่านทองหล่อ ประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยรัฐมนตรีและ ส.ส.พรรครัฐบาล ได้ไปใช้บริการแล้วกลายเป็นผู้ติดเชื้อโควิดในเวลาต่อมา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับจงใจไม่ดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและบังคับใช้กฎหมาย ไม่ดำเนินคดีและไม่ลงโทษรัฐมนตรี ที่ไปใช้บริการสถานบริการดังกล่าว ทั้งที่เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ
นอกจากนี้ยังกรณีที่รัฐมนตรีในรัฐบาลอีกคนหนึ่งจัดงานในช่วงสงกรานต์และมีผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก จนเกิดการแพร่ระบาดของโรค มีผู้ติดเชื้อหลายรายและมีผู้เสียชีวิต ถือเป็นการจงใจไม่ดูแลให้ปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายไม่ดำเนินคดีและไม่ลงโทษนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่เป็นรัฐมนตรีร่วมคณะ ที่กระทำผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
“รัฐบาลกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมายสร้างความล้มเหลวระบบป้องกันโรคระบาด ล้มเหลวระบบให้การรักษาพยาบาล และล้มเหลวระบบช่วยเหลือการเยียวยา โดยไม่ได้ดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างครอบคลุมและทั่วถึง ไม่ดำเนินการให้มีการควบคุมโรค การป้องกันโรค การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสุขภาพ จงใจปฏิเสธความช่วยเหลือจากโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ของหน่วยงานขององค์กรอนามัยโลกที่จัดวัคซีนให้ประเทศต่างๆ 180 ประเทศ รวมถึงปฏิเสธความช่วยเหลือจากภาคเอกชนในการนำเข้าวัคซีน กลับปล่อยให้ประชาชนจำนวนมากต้องเจ็บป่วย นอนรอความตาย เพราะขาดโอกาสในการเข้าถึงวัคซีน” หนังสือของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ระบุ
ในช่วงท้าย พรรคร่วมฝ่ายค้าน ระบุด้วยว่า ในการจัดหาวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ใช้อำนาจรักษาการตามกฎหมายของ รมว.สาธารณสุข ได้จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ละเลยไม่ขวนขวายจัดหาวัคซีน ที่มีความสำคัญและจําเป็นอย่างรวดเร็ว หลากหลายและเพียงพอให้ประชาชนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตของประชาชน เศรษฐกิจ สังคมและทำให้ประชาชนต้องมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างทุกข์ทรมาน
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.thaipost.net/
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage