'บิ๊กตู่'ยกระดับการฉีดวัคซีนโควิดเป็นวาระแห่งชาติ ย้ำทุกชนิดที่นำเข้าไทยมีความปลอดภัย ช่วยลดความรุนแรง-ป้องกันการเสียชีวิตเกือบ 100% ย้ำผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น มีน้อยกว่าโอกาสติดเชื้อหลายพันเท่า ขณะที่ ครม.ไฟเขียวโครงการ 'เราชนะ - ม33 เรารักกัน' เยียวยาประชาชนกว่า 40 ล้านคน
--------------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด ว่า สำหรับพื้นที่คลองเตย ตนที่ได้ติดตามมาอย่างใกล้ชิดเนื่องจากเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองมีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบกับชีวิตความปลอดภัยของประชาชนจำนวนมาก ในฐานะ ผอ.ศบค กรุงเทพ-ปริมณฑล สั่งการทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลัง มียุทธวิธีสำคัญในการเอาชนะศึกครั้งนี้คือการระดมตรวจเชิงรุกในพื้นที่เป้าหมายตั้งแต่ 1 พ.ค. ใน กทม.และปริมณฑล ตรวจเชิงรุกแล้วมากกว่า 7 หมื่นรายหรือ 7,000 รายต่อวัน ทำให้ระบุตัวผู้ติดเชื้อและคัดแยกผู้ป่วยไปรักษาได้ทัน เพื่อจำกัดวงการแพร่ระบาดให้แคบและสั้นที่สุด ดังนั้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เห็นยอดผู้ติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ทีมแพทย์เชื่อมั่นว่าด้วยวิธีนี้จะทำให้เราควบคุมสถานการณ์ได้ในไม่ช้า และยอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่จะค่อยๆลดลง ล่าสุดใน กทม.มีจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มทรงตัว แต่เรายังไม่นิ่งนอนใจ ยังระดมตรวจเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงต่อไปให้ได้มากที่สุด
ขณะที่การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ได้ฉีดวัคซีนในพื้นที่คลองเตยแล้ว 13,000 คน หรือ 30% จากเป้าหมายที่วางไว้ว่าต้องฉีดให้ได้มากกว่า 50,000 คน ส่วนในพื้นที่ปทุมวันที่อยู่ใกล้เคียง ฉีดวัคซีนแล้ว 14,000 คนหรือมากกว่า 50% ของเป้าหมายที่วางไว้ โดยสรุปแล้วทั้ง 2 เขต ฉีดได้มากกว่าวันละ 2,000 คน โดยผลการดำเนินการของคลัสเตอร์คลองเตยจะเป็นแนวทางการจัดการการระบาดในพื้นที่อื่นต่อไป
@ ยืนยันรักษาโควิดฟรี ขู่เอาผิด รพ.เรียกเก็บเงินจากประชาชน
สำหรับการรักษาพยาบาล รัฐบาลยืนยันว่าจะดูแลค่ารักษาพยาบาลออกค่าใช้จ่ายให้ประชาชนทุกคนตามสิทธิ์ ตั้งแต่การตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง การรับวัคซีน การชดเชยกรณีได้รับผลข้างเคียง และการรักษาพยาบาล กรณีโรงพยาบาลเอกชน รัฐจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 25% ทุกรายการ หากมีประกันส่วนบุคคล ให้โรงพยาบาลเรียกเก็บประกันส่วนบุคคลก่อน ที่เหลือให้เรียกเก็บกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยห้ามเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากประชาชน หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางกฎหมาย กรณีที่เกิดความเสียหาย บาดเจ็บ เจ็บป่วยต่อเนื่อง เสียอวัยวะ พิการ ทุพพลภาพถาวร หรือเสียชีวิต สามารถยื่นขอเงินเยียวยาได้จาก สปสช. นอกจากนี้ยังได้ทำกรมธรรม์ประกันภัยให้บุคลากรทางการแพทย์ 270,000 ราย ซึ่งเสียสละ เสี่ยงภัย ทำงานหนักในขณะนี้ วงเงินคุ้มครองมากกว่า 270,000 ล้านบาท หรือรายละ 1 ล้านบาทแล้วแต่กรณี
"สำคัญที่สุด ต้องขอร้องให้ทุกท่านต้องระมัดระวังตัวเองอย่างที่สุด เรายังไม่พ้นจากการแพร่ระบาดระลอกนี้ ขอให้ป้องกันตัวเองเต็มที่ จากข้อพิสูจน์ทราบมาแล้วจะเห็นได้ว่า ผู้ติดเชื้อรอบนี้เป็นการติดเชื้อในครอบครัว เพื่อนฝูง สถานที่ทำงาน สถานประกอบการต่างๆ ซึ่งยากที่ภาครัฐจะควบคุมดูแลได้ทั้งหมด หากเราร่วมมือกัน เราจะชนะศึกครั้งนี้ได้ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม เจ้าหน้าที่ทุกคนได้เหน็ดเหนื่อยกับภารกิจครั้งนี้ ผมอยากให้ทุกคนรวมถึงสื่อมวลชน มีส่วนร่วมในการช่วยชาติ ช่วยชุมชนของท่าน ก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ ขอให้คำนึงถึงผลกระทบจากการแชร์ข่าวสารที่ไม่รู้ที่มา อาจสร้างความวุ่นวาย สับสนให้กับสังคม ยิ่งกว่านั้นยังมีผู้ที่เจตนาและไม่เจตนา สร้างเฟคนิวส์ ขอให้หยุดการกระทำเหล่านี้ เพราะเป็นการซ้ำเติม เพิ่มความเดือดร้อนและความเสี่ยงให้กับตัวเองและคนรอบข้าง ซึ่งได้สั่งการเจ้าหน้าที่เข้มงวดตรวจสอบ และให้ดำเนินการทันทีหากพบการทำผิดตามกฎหมาย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@ เปิดทางโซนสีแดงประเมินสถานการณ์ผ่อนคลาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากการคุมสถานการณ์เร่งด่วนเฉพาะหน้า รัฐบาลพยายามคิดวางแผนทุกวัน คือ การช่วยเหลือ เยียวยาประชาชนจากผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการปิดสถานที่ต่างๆ ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ติดตามดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมสถานการณ์ในแต่ละจังหวัดได้ ปิดกั้นการลักลอบเข้าประเทศอย่างสูงสุด ประเมินสถานการณ์วันต่อวัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า หากจังหวัดใด โดยเฉพาะโซนสีแดงที่ปิดสถานที่และข้อจำกัดต่างๆ หากมีสถานการณ์ควบคุมได้ดีขึ้น ให้พิจารณาผ่อนคลายเงื่อนไขต่อไป เพื่อให้ประชาชนกลับสู่การทำมาค้าขาย ซึ่งจะพิจารณารอบคอบ ทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจต้องเดินควบคู่กันไป
@ ยกวัคซีนวาระแห่งชาติ ย้ำทุกชนิดป้องกันการตายเกือบ 100%
ด้านวัคซีน ได้ระดมฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ คนในพื้นที่เสี่ยง และผู้สูงอายุ โดยฉีดไปแล้วเกือบ 2 ล้านโดส โดยแต่ละวันมีการระดมฉีดวันละหลายหมื่นโดส นอกจากนั้นจากมาตรการจัดหาวัคซีนฉุกเฉินของรัฐบาล เราได้วัคซีนเพิ่ม 3.5 ล้านโดสตามที่กล่าวไปแล้ว โดยในการประชุม ครม.วันนี้ได้เสนอให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ต้องดำเนินการอย่างครบวงจร ทั้งการจัดหา การกระจาย ไปจนถึงการฉีด ที่ต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทย
"สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดจะเป็นจริงไม่ได้ หากประชาชนไม่มาเข้ารับการฉีดวัคซีน ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ประเทศไทยจึงจะเดินหน้าต่อไปได้ ผมขอยืนยันว่าวัคซีนที่รัฐบาลนำเข้ามาทุกชนิดได้มีการตรวจสอบคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัยจากกระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้มีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก มีคนฉีดแล้วหลายสิบล้านคน รวมทั้งผู้นำประเทศทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญต่างยืนยันว่า วัคซีนโควิดทุกชนิด สามารถป้องกันการป่วยรุนแรงหากติดเชื้อและป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 100% สำหรับโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากวัคซีนมีน้อยมาก หากเปรียบเทียบกับโอกาสในการติดโควิด และการเสียชีวิตจากโควิดมีสูงกว่าการฉีดแล้วเกิดผลข้างเคียงหลายพันเท่า ดังนั้นฉีดดีกว่าไม่ฉีด " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ล่าสุดจากการเปิดทะเบียนยืนยันและนัดหมายการฉีดวัคซีน ผ่านระบบหมอพร้อม สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 1.6 ล้านคน สูงสุดใน กทม. กว่า 5 แสนคน ตามด้วยลำปาง มากกว่า 2 แสนคน แต่หากนับตามสัดส่วนประชากร ถือว่าลำปางมีสัดส่วนสูงสุดในประเทศที่ตื่นตัวกับเรื่องนี้ ขอชื่นชมจังหวัดลำปาง และขอให้ทุกจังหวัดเร่งเรื่องนี้ให้มีผู้มาขอรับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดด้วยกลไกในพื้นที่ ส่วนรัฐบาลจะพิจารณาจัดสรรวัคซีนลงไปเพิ่มเติมให้
@ เคาะ เรารักกัน-เราชนะ เยียวยาประชาชน 40 ล้านคน
ส่วนมาตรการเศรษฐกิจมีหลายประเด็นสำคัญ เช่น โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 45,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น ซึ่งจะเร่งดาเนินการทันที เมื่อสถานการณ์ของโควิดบรรเทาลง โดยจะมีคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันเป็นกลไกสำคัญ ภายใต้การติดตามของรองนายกรัฐมนตรีทุกคน
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบกับการเพิ่มเงินสนับสนุนในโครงการเราชนะ อีกคนละ 1,000 บาท ต่อสัปดาห์ ระยะเวลา 2 สัปดาห์ มีประชาชนได้รับประโยชน์ 33.5 ล้านคน รวมทั้งการเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้ประกันตนโครงการ ม.33 เรารักกัน อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท ระยะเวลา 2 สัปดาห์เช่นกัน และขยายเวลาฃองโครงการออกไปถึงเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากกว่า 8 ล้านคน หรือรวมแล้วว่า 40 กว่าล้านคน
@ ไม่ใช่เวลาทำการฝ่าย ขอทุกฝ่ายร่วมแรงแก้โควิด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งหมดนี้คือการทำงานอย่างเต็มที่ของผมและผู้เกี่ยวข้องทุกคน ทุกคนทำงานร่วมกันหารือร่วมกัน ข้อมูลเดียวกัน อันเป็นประโยชน์และพิสูจน์ได้ตามหลักการทางการแพทย์และสาธารณสุข นายกรัฐมนตรีไม่สามารถรู้ได้ทั้งหมด เพียงแต่ว่านำข้อมูลมาสังเคราะห์ หาปัญหาอุปสรรคมาให้เจอ ตรงไหนปลดให้ได้ ก็จะปลดตรงนั้น ไม่ได้หมายความว่านายกรัฐมนตรีเอาอำนาจเหล่านั้นมาใช้ด้วยตัวเอง เพราะผมรู้ไม่เท่าหมออยู่แล้ว ก็ทำงานแบบนี้มาโดยคลอด โดย ศบค. ทำงานต่อเนื่องทุกวัน ไม่มีวันหยุด เพื่อช่วยเหลือประชาชน
"กราบเรียนอีกครั้งว่าขณะนี้ เราคนไทยทั้งประเทศและทั่วโลก กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวร้ายที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อนที่ชื่อไวรัสโควิด ทางเดียวที่จะเอาชนะได้ คือการร่วมแรงร่วมใจ ร่วมมือกันแก้ปัญหา ไม่ใช่การขัดแย้งหรือแตกแยกกัน อนาคตของประเทศไทยต่อจากนี้ จะขับเคลื่อนไปได้มั่นคงเพียงใด ขึ้นอยู่กับเราทุกคน ที่จะต้องรวมใจให้เป็นหนึ่งเดียว แล้วก้าวเดินไปพร้อมกัน วันนี้ไม่ใช่เวลาทำการเมืองทั้งสิ้น เป็นเวลาที่ทำให้บ้านเมือง ให้ประเทศและประชาชนของท่าน อันเป็นที่รักและเลือกท่านมาทำงาน นั่นคือหน้าที่ของรัฐบาลในเวลานี้ ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมแก้ปัญหากับเรามาโดยตลอด อะไรที่ยังมีปัญหาขัดข้องไม่เข้าใจขอให้สอบถามมา ยินดีที่จะให้หน่วยงานเขาตอบปัญหาต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/