ผบช.น. แถลงหลัง ‘ม็อบรีเด็ม’ ชุมนุมหน้าศาลอาญา จับกุมได้ 4 ราย ทำผิดฐานเสียทรัพย์-ละเมิดอำนาจศาล พบมีการใช้พลุยิงใส่ ตร.แนวราบเพิ่มเติม จ่อปรับยุทธวิธีใหม่ - สนง.ศาลยุติธรรมออกแถลงการณ์ชี้ไม่ได้เป็นการชุมนุมแบบประชาธิปไตย แต่ใช้ความรุนแรงหวังแทรกแซงคำสั่ง-คำพิพากษา จี้ จนท.สอบคนละเมิดกฎหมาย
...........................................................
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แถลงภาพรวมการชุมนุมของกลุ่มรีเด็ม (Restart Democracy) เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา โดยไล่เรียงเหตุการณ์ตั้งแต่การนัดชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปจนถึงเคลื่อนขบวนถึงศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กระทั่งช่วงค่ำ ตำรวจเห็นว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้น จึงใช้กำลังผลักดันตามยุทธวิธี และใช้อุปกรณ์เหมาะสมตามลำดับขั้น โดยจับกุมผู้ร่วมชุมนุมได้ 4 คน พร้อมแจ้งข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ และชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป หลังจากนี้จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม หากพบผู้ใดกระทำผิดอีกจะติดตามมาดำเนินคดีเพิ่มเติม
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และละเมิดอำนาจศาล สำนักงานศาลยุติธรรม อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เพื่อเข้าแจ้งความตำรวจ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า ผู้ชุมนุมหลายราย เข้าร่วมชุมนุมหลายครั้ง รวมทั้งอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ตำรวจจะมีการรายงานศาลให้ทราบการขั้นตอนต่อไป
ผบช.น. กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ชุมนุมนี้ พบมีการนำพลุมาใช้เป็นอาวุธยิงใส่ตำรวจในแนวราบเพิ่มเติมจากการชุมนุมครั้งที่ผ่าน ๆ มา ส่งผลให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ดังนั้นหากกลุ่มรีเด็มนัดหมายชุมนุมในอนาคต ตำรวจอาจมีการปรับยุทธวิธี ไม่ให้ผู้ชุมนุมรวมตัวกันได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงขึ้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การชุมนุมไม่มีแกนนำจริงหรือไม่ โดยขอให้สื่อมวลชนพิจารณาจากเหตุที่เกิดขึ้นเอง
@ศาลออกแถลงการณ์ชี้ม็อบไม่ได้ชุมนุมโดยชอบธรรมตามกฎหมาย
วันเดียวกัน สำนักงานศาลยุติธรรม ออกแถลงการณ์ภายหลังเกิดเหตุชุมนุมของกลุ่มรีเด็มบริเวณหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมาว่า สำนักงานศาลยุติธรรมขอแจ้งให้ทราบว่า ในการดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาและมีคำสั่งในคดีทั้งปวง ศาลยุติธรรมให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นเสมอมา และรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะความคิดเห็นทางวิชาการที่มุ่งก่อให้เกิดความสร้างสรรค์และพัฒนาการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่เกิดขึ้นบริเวณศาลอาญาเมื่อคืนวันที่ 2 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมาที่บุคคลจำนวนหนึ่ง ใช้ความรุนแรงด้วยการขว้างปาสิ่งของ ใช้เครื่องมือยิงวัสดุเข้ามาในอาคารศาล การใช้วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง จนเกิดความเสียหาย ความรุนแรงและไม่สงบขึ้นนั้น นอกจากจะเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในบริเวณศาลอาญา ถือไม่ได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นในระบอบประชาธิปไตยและอันเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยชอบธรรมภายในกรอบของกฎหมาย อีกทั้งยังมีลักษณะของการก้าวล่วงใช้ความรุนแรงเพื่อแทรกแซงโดยหวังผลให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาไปในทางหนึ่งทางใดตามที่กลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงมุ่งประสงค์ โดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ของกฎหมาย อันเป็นการมุ่งทำลายความอิสระของตุลาการตามรัฐธรรมนูญ
นอกจากการใช้ความรุนแรงดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันยังมีพฤติกรรมทำนองขู่เข็ญ และสร้างความหวาดกลัวไม่เพียงแก่บุคลากรในศาลยุติธรรมเท่านั้น หากแต่ยังมีการขู่เข็ญและสร้างความหวาดกลัวไปยังบุคคลในครอบครัวของผู้พิพากษาและบุคลากรในศาลยุติธรรมด้วย ทั้ง ๆ ที่บุคคลดังกล่าวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาพิพากษาคดีแต่อย่างใด
พฤติกรรมดังกล่าวที่มีการกระทำในลักษณะเป็นขบวนการ ใช้สื่อโซเชียลต่าง ๆ ล้วนมุ่งหวังให้เกิดผลในทำนองเดียวกับการใช้ความรุนแรงข้างต้นที่ต้องการให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งในทางที่ตนเองหรือขบวนการของตนต้องการโดยไม่คำนึงถึงหลักเกณฑ์ของกฎหมาย จึงไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นหรือการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญอันชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย
@จี้ จนท.เร่งสอบหาตัวคนทำผิด
ในการนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมจึงขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้ตรวจสอบการกระทำและพยานหลักฐานที่ปรากฏ หากมีการกระทำใดที่เป็นการละเมิดหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมายอย่างเคร่งครัด และขอให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนแสดงความคิดเห็นและใช้เสรีภาพของตนอย่างสันติ ด้วยความสงบ และงดเว้นการกระทำใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิต เป็นภยันตรายแก่ร่างกาย หรือสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินไม่ว่าของส่วนบุคคลหรือของทางราชการ และให้การดำเนินกระบวนพิจารณาต่าง ๆ ดำเนินไปตามครรลองของกฎหมายที่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลตามที่กฎหมายกำหนด
ในการพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง ศาลยุติธรรมทุกศาลจะยังคงทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ปราศจากอคติ พิพากษาและมีคำสั่งให้คู่ความทุกฝ่ายได้รับความยุติธรรมภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/