สธ.เปิดแผนจัดหาวัคซีนเพิ่ม 37 ล้านโดส ดึงเอกชนช่วย 7 ล้านโดส คาดดำเนินการตามเป้า ฉีดให้คนไทย 50 ล้านคน หรือ 70 % ของประชากรในสิ้นปี 2564 เตือนประชาชนคิดให้รอบคอบ หลังผุดข่าวเอกชนจัดทัวร์นอก-ฉีดวัคซีน เหตุหลายประเทศยังปิด ย้ำภายใน ต.ค. ผู้สมัครใจได้รับวัคซีนทุกคน
........................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2564 นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าแผนการฉีดวัคซีนโควิดว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีการจัดหาวัคซีนได้แล้ว 63 ล้านโดส และมีเป้าหมายจะฉีดวัคซีนให้ครบทุกกลุ่มให้ได้ 70% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ ภายในปี 2564 เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งต้องใช้วัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส จึงต้องจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอีก 37 ล้านโดส โดยได้มีการตกลงความร่วมมือแล้วว่า รัฐจะจัดหา 30 ล้านโดส และเอกชนยินดีสนับสนุนทั้งงบประมาณและการจัดหาเข้ามาเอง อีก 7 ล้านโดส เพื่อฉีดให้กับบุคลากรของตัวเอง
นพ.ทวีศัพท์ กล่าวอีกว่า ในการจัดหาวัคซีนครั้งนี้ จะเป็นการจัดหาวัคซีนที่มีรูปแบบหรือเทคโนโลยีอื่น ซึ่งแตกต่างจากที่ไทยเคยจัดหาวัคซีนเข้ามาก่อนหน้านี้ โดยรัฐจะจัดหาวันซีนไฟเซอร์ จำนวน 5-10 ล้านโดส, วัคซีนสปุตนิก วี จำนวน 5-10 ล้านโดส, วัคซีนจอหน์สันแอนด์จอหน์สัน จำนวน 5-10 ล้านโดส และซิโนแวค จำนวน 5-10 ล้านโดส ส่วนภาคเอกชนจะจัดหาวัคซีนอื่นๆ ที่ไม่ได้ให้บริการในภาครัฐ ได้แด่ วัคซีนโมเดอร์นา, วัคซีนซิโนฟาร์ม หรือวัคซีนที่จะมีการขึ้นทะเบียนในอนาคต
"หากเราจัดหาวัคซีน 37 ล้านโดสได้ตามแผนประมาณเดือน ต.ค.2564 และขณะเดียวกันที่ไทยจะมีการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในเดือน มิ.ย.2564 เราก็จะสามารถฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากรได้เลย” นพ.ทวีทรัพย์ กล่าว
นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวถึงกรณีบุคลากรสาธารณสุขภาคเอกชนยังไม่ได้รับวัคซีนว่า สำหรับช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่วัคซีนมีจำกัด กระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายให้บุคลากรการแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้าทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน อย่างไรก็ตามหากยังมีตกค้างอยู่ โดยหากเป็นโรงพยาบาลหรือคลินิกในพื้นที่ใน กทม. สามารถประสานไปทางสำนักอนามัย กทม. ส่วนภูมิภาค ให้ประสานไปที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)
ทั้งนี้ ทางกทม.จะมีการประสานงานให้มีโรงพยาบาลเอกชน เพื่อให้มีพื้นที่ให้บุคลากรสาธารณสุขภาคเอกชนสามารถไปรับวัคซีนได้ ซึ่งเบื้องต้นมีการประสานไปยังโรงพยาบาลวิมุตติแล้ว
@ เตือนประชาชนคิดรอบคอบหลังผุดข่าวจัดทัวร์นอก-ฉีดวัคซีน
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า บริษัททัวร์เอกชนของไทยสามารถจัดทัวร์ให้สามารถเดินทางไปฉีดวัคซีนที่ต่างประเทศได้ นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวว่า มีอยู่ 2 เรื่องคือ เราสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้หรือไม่ ช่วงนี้เราปิดประเทศ และการเดินทางต่างประเทศเวลานี้ต้องมีวัตถุประสงค์ชัดเจน ดังนั้นข่าวที่ออกมาเกรงว่าอาจจะเป็นการหาประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาในรอบคอบ
นอกจากนั้นในเดือน มิ.ย.ทุกคนะได้รับวัคซีนแล้ว ไม่ช้าแน่นอน และอาจจะได้เร็วกว่านั้น เพียงแต่ว่าช่วงแรกอาจจะเป็นผู้สูงอายุ และหากทำได้ตามแผนเชื่อว่าภายใน ก.ย. - ต.ค.2564 ผู้ที่สมัครใจการต้องฉีด ก็จะได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน และมีหลายยี่ห้ออีกด้วย
@ เตือนเผาแมสก์ เกิดฝุ่น PM2.5
นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวถึงการทิ้งหน้ากากอนามัยว่า การเผาเป็นวิธีการที่สามารถทำได้ แต่ไม่แนะนำ เนื่องจากในช่วงนี้อากาศปิด และไทยยังเผชิญกับปัญหาฝุ่น PM2.5 อยู่ ซึ่งทางกทม. หรือเทศบาลจะมีระบบการกำจัดขยะที่เหมาะสมต่อไป
@ นายกฯเปิดช่องรับฟังประชาชน หาแนวทางแก้โควิด
ขณะที่ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับวัคซีนป้องกันโควิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมย้ำว่า จะต้องดำเนินการจัดหาวัคซีนที่ได้มาตรฐานโดยไม่ได้จำกัดผู้ผลิตว่าต้องเป็นรายใดให้ได้จำนวนมากที่สุด และให้กระจายวัคซีนให้ทั่วถึงประชาชนตามแผนที่วางไว้ กระจายไปให้ทุกจังหวัดทั้งรัฐและเอกชน และให้โรงพยาบาลเอกชนช่วยกระจายวัคซีน ดูแลระบบการให้วัคซีนให้มีปรระสิทธิภาพไม่ให้เกิดปัญหาระบบล่ม
นอกจากจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เห็นว่าขณะนี้มีประชาชนหลายภาคส่วนต้องการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระของบุคลากรสาธารณสุขหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงได้ให้มีการพิจารณาว่า จะสามารถเปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในช่วยเหลือ เร่งแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างไร
พร้อมทั้งยังขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆของภาครัฐ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ ให้เอาจริงเอาจังกับการฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/