พิสูจน์ความบริสุทธิ์! ‘อมร มีมะโน’ ชี้แจงข้อเท็จจริง ปมถูกตั้งเป็น ขรก.การเมือง ยืนยันคดีถูกกล่าวหาว่าปั่นหุ้น AJ ยังไม่ถึงที่สุด อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โทษทางแพ่งไม่ใช่อาญา ด้าน 'ภูวิช ปัญญาสิทธิ์' ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่เคยถูกอัยการสั่งฟ้องร่วมด้วย
......................................................
จากกรณีคณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 2 ราย ได้แก่ นายอมร มีมะโน และนายภูวิช ปัญญาสิทธิ์ โดยทั้ง 2 ราย มีรายงานว่าเมื่อปลายปี 2561 ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) กล่าวโทษร่วมกับพวกรวม 40 ราย ในความผิดสร้างราคาหุ้น (ปั่นหุ้น) AJD (ชื่อเดิมของ AJA) โดยมีพฤติกรรมความผิดเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 16 พ.ค.-8 ต.ค. 2557 โดยราคาหุ้น AJD ถูกปั่นจาก 2.60 บาทขึ้นไปถึง 15 บาท หลังจากหุ้น AJD จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้เพียง 3 เดือน ก.ล.ต. ดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งแก่นายอมร กับพวก สั่งปรับรวมเป็นเงินกว่า 1,727.38 ล้านบาท และส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และขึ้น ‘แบล็คลิสต์’ ห้ามนายอมรเป็นผู้บริหารบริษัทในตลาดทุน 3 ปี อย่างไรก็ดีมีการถอนชื่อนายอมร มีมะโน ออกจากข้าราชการการเมืองแล้ว (อ่านประกอบ : โพรไฟล์ธุรกิจ‘อมร มีมะโน-ภูวิช ปัญญาสิทธิ์’โดนคดีปั่นหุ้นไฉนถูกดันตั้ง ขรก.การเมือง?)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีดังกล่าว นายอมร มีมะโน ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวถึงสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สรุปได้ว่า ตามที่มติคณะรัฐมนตรี แต่งตั้งตนเป็นข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2564 และต่อมามีกระแสข่าวโจมตีตนในทางเสื่อมเสีย ที่จะดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองดังกล่าว
กรณีมีการเสนอข่าวว่าตนเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นนักปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตนได้ดำเนินธุรกิจเป็นไปตามกลไกของตลาดทุกประการ กรณีทาง ก.ล.ต. มีมติโดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง ลงโทษบังคับให้ชำระเงินค่าปรับแก่ผู้กระทำความผิด 40 ราย แต่บุคคลที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า หุ้นขึ้นเป็นกลไกของตลาดหุ้น และปฏิเสธข้อกล่าวหาในความรับผิดส่วนทางแพ่ง ต่อมาพนักงานอัยการยื่นฟ้องบุคคลจำนวน 40 ราย เพื่อเรียกร้องค่าปรับ แต่ที่มีการนำเสนอข่าวว่า อัยการยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องค่าปรับกับตนเพียงคนเดียว เป็นเงิน 2,303,065.33 ล้านบาทนั้น ไม่เป็นความจริง
ตนเป็นเพียงบุคคลคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกันกับบุคคลอื่น ตามข้อกล่าวหาปรับเป็นเงิน 105,900,976.25 บาท จากจำนวนเงินค่าปรับ 2,303,065.33 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งหมด 40 ราย และเป็นความผิดในคดีทางแพ่ง และไม่ใช่คดีทางอาญาที่มีบทลงโทษจำคุก ตามที่มีการนำเสนอข่าวว่า อันทำให้ตนจะมีความผิดที่จะต้องถูกลงโทษจำคุกตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าวต่อไป
ปัจจุบันคดีดังกล่าวที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องตนต่อศาลแพ่ง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลว่า ตนกระทำความผิดและมีความผิดตามข้อกล่าวหาอันจะต้องรับผิดชอบชำระค่าปรับจำนวน 105,900,976.25 บาท แต่อย่างใด ตนเป็นเพียงแค่ผู้ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมกระทำความผิดในส่วนทางแพ่ง ที่ยังอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรมของศาล แม้ถึงว่าในอนาคตหากศาลพินิจพิจารณาพยานหลักฐานว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องชำระค่าปรับแล้ว ตนไม่มีเจตนาที่จะปฏิเสธความรับผิด ในการชำระค่าปรับอันทำให้คดีสิ้นสุดไป แต่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ในการกระทำของตนเองในการดำเนินงานธุรกิจที่เป็นไปโดยสุจริตตามกฎหมาย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองต่อศาล
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในชีวิตของข้าพเจ้าไม่เคยกระทำความผิด และต้องคดีอาญาใด ๆ และไม่เคยมีประวัติที่ด่างพร้อย และในอดีตที่ผ่านมาข้าพเจ้าเป็นนักธุรกิจที่มีความชัดเจนในการทำธุรกิจ และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวที่ทำให้สังคมเข้าใจผิด ณ เวลานี้ ข้าพเจ้าเสมือนตายทั้งเป็น ทั้งที่ ๆ คดีข้าพเจ้ายังไม่ได้มีคำพิพากษาของศาลว่า ข้าพเจ้ากระทำความผิด แต่ข้าพเจ้าถูกพิพากษาลงโทษ และตกเป็นจำเลยของสังคมในทันที ทั้ง ๆ ที่ในอดีตที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้สร้างคุณงามความดีมาตลอดชีวิต” นายอมร ระบุ
ขณะที่นายภูวิช ปัญญาสิทธิ์ กล่าวชี้แจงกรณีนี้ว่า ที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวไปยังสาธารณะ ที่กล่าวหาว่าเป็นบุคคลเกี่ยวข้องในฐานะร่วมกันสร้าง (ปั่นหุ้น) ในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD และถูกพนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีร่วมกับผู้กระทำความผิดทั้งหมดรวม 40 ราย ตามที่ชื่อปรากฏตามข่าว ต่อศาลแพ่ง โดยโดนลงโทษทางแพ่งให้ชำระค่าปรับในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมาย รวมทั้งสิ้น 2,303,065,651 บาทนั้น ในข้อเท็จจริงตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในทางคดีปั่นหุ้น ไม่ได้เป็นผู้ถูกพนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีร่วมกับผู้กระทำความผิดทั้งหมด 40 ราย และต้องร่วมชดใช้ค่าปรับดังกล่าวแต่อย่างใด
นายภูวิช กล่าวอีกว่า หลังจากสื่อมวลชนนำเสนอข่าวออกไป ทำให้ได้รับผลกระทบทั้งด้านครอบครัว การงาน และทางชื่อเสียงเสียหายอย่างหนัก บุคคลภายนอกต่างวิพากษ์วิจารณ์ โดยไม่มีการเชิญให้ตนเองเข้าชี้แจงหรือสอบถามข้อเท็จจริงแต่อย่างใด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage