ป่วยใหม่ 2,012 ราย รวมสะสม 61,699 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 15 ราย ในจำนวนนี้มี 1 ราย รอคิวตรวจนาน เสียชีวิตก่อนรูผล กำลังรักษาตัว 27,119 ราย มีอาการหนัก 695 ราย และใส่ท่อเครื่องหายใจ 199 ราย
.................................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทยว่า วันที่ 28 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา มีรายงานการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 15 ราย ทำให้จำนวนรวมผู้เสียชีวิตปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 178 ราย
สำหรับจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ 2,012 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย เป็นผู้ป่วยหรือติดเชื้อในประเทศ 2,001 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยมาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการรัฐ จำนวน 1,893 ราย ส่วนที่เหลือมาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน โรงงาน สถานที่เสี่ยง 108 ราย
จากรายงานข้อมูลเฉพาะการระบาดระลอกใหม่ ระหว่างวันที่ 1 - 28 เม.ย. 2564 พบผู้ติดเชื้อสะสม 61,699 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 34,402 ราย กำลังรักษาตัว 27,119 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 21,000 ราย อยู่รพ.สนามและอื่นๆ 6,111 ราย ในจำนวนผู้ที่กำลังรักษาตัวอยู่ มีผู้ป่วยอาการหนัก 695 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ รวม 199 ราย
@ เสียชีวิตเพิ่ม 15 ราย เผยมี 1 ราย รอคิวตรวจนาน 3 วัน เสียชีวิตก่อนรู้ผล
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) โดยพบผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่ม 15 ราย โดยเป็นชาว กทม. 9 ราย เชียงใหม่ 2 ราย สมุทรปราการ 2 ราย ชลบุรี 1 ราย และ ระนอง 1 ราย มีอายุอยู่ระหว่าง 35 - 88 ปี
โดยในจำนวนนี้มี 13 ราย มีโรคประจำตัว เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค แบ่งเป็น ความดันโลหิตสูง 9 ราย โรคหัวใจ 1 ราย ไขมันในเลือดสูง 4 ราย โรคปอดเรื้อรัง หรือหอบหืด 3 ราย โรคไตเรื้อรัง 2 ราย ไทรอยด์เป็นพิษ 3 ราย ภาวะอ้วน 4 และสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ 1 ราย
ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดนั้น พญ.อภิสมัย กล่าวว่า โดยส่วนใหญ่จะมีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อในครอบครัวถึง 10 ราย รองลงมาจะมีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อจากที่ทำงาน 2 ราย นอกจากนี้ เกิดจากไปสถานบันเทิง 1 ราย สัมผัสใกล้ชิดเพื่อนบ้านป่วย 1 ราย และสัมผัสใกล้ชิดเพื่อนที่ฟิตเนส 1 ราย
นอกจากนี้ ระยะเวลาที่ทราบผลติดเชื้อจนถึงเสียชีวิตอยู่ระหว่าง 7-15 วัน โดยมีผู้ที่ทราบระยะเวลา พบผลติดเชื้อก่อนเสียชีวิต 7-15 จำนวน 9 ราย มีผู้ทราบผลติดเชื้อในวันเดียวกับที่เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้เสียชีวิตก่อนทราบผลติดเชื้อ 2 ราย
“มี 1 รายที่ปรากฎในภาพข่าว ผู้ป่วยที่เสียชีวิตในระหว่างรอคิวตรวจหาเชื้อเป็นเวลา 3 วัน และเมื่อถึงวันที่จะได้รับการตรวจพบว่ามีการเสียชีวิต หลังจากนั้นตรวจยืนยันพบผลเป็นบวก ซึ่งขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกราย” พญ.อภิสมัยกล่าว
@ 10 อันดับจังหวัด ผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด
พญ.อภิสมัย กล่าวรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 จังหวัดสะสมสูงสุดว่า ระหว่างวันที่ 1-28 เม.ย.2564 ประกอบด้วย กทม.ติดเชื้อเพิ่ม 830 ราย สะสม 10,899 ราย เชียงใหม่ ติดเชื้อเพิ่ม 55 ราย สะสม 3,347 ราย ชลบุรีติดเชื้อเพิ่ม 108 ราย สะสม 2,151 ราย นนทบุรีติดเชื้อเพิ่ม 71 ราย สะสม 1,395 ราย สมุทรปราการติดเชื้อเพิ่ม 93 ราย สะสม 1,466 ราย ประจวบคีรีขันธ์ติดเชื้อเพิ่ม 11 ราย สะสม 1,034 ราย สมุทรสาครติดเชื้อเพิ่ม 59 ราย สะสม 829 ราย ปทุมธานีติดเชื้อเพิ่ม 57 ราย สะสม 661 ราย สุราษฎร์ธานีติดเชื้อเพิ่ม 40 ราย สะสม 573 ราย และสงขลาติดเชื้อเพิ่ม 52 ราย สะสม 563 ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย ประกอบด้วย อินเดีย 1 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย สาธารณรัฐเช็ก 1 ราย กาตาร์ 1 ราย จีน 1 ราย ปากีสถาน 4 ราย และกัมพูชา 2 ราย
ทั้งนี้ มีผู้ที่ได้รับวัคซีนเพิ่มอีก 52,681 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 26,572 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 26,109 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 1,279,713 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 1,038,960 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 240,753 ราย
@ ปัจจัยเสี่ยงติดโควิดระลอกใหม่เปลี่ยน พบ 44.3% ติดจากสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยัน
พญ.อภิสมัย กล่าวเปิดเผยว่า ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อโควิดในการระบาดระลอกเดือนเม.ย.2564 จากการสอบถามผู้ป่วย 20,721 พบว่า มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า 9,177 ราย คิดเป็น 44.3% สถานบันเทิง 5,226 ราย คิดเป็น 25.2% การค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกและค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน 2,025 ราย คิดเป็น 9.8% ตลาดนัด/สถานที่ท่องเที่ยว 1,336 ราย คิดเป็น 6.4% การสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลในสถานที่ทำงาน 703 ราย คิดเป็น 3.4% ร้านอาหาร 294 ราย คิดเป็น 1.4%
ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 176 ราย คิดเป็น 0.8% การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้เดินทางมาจากจังหวัดที่มีการระบาด 164 ราย คิดเป็น 0.8% งานประเพณีต่าง ๆ 155 ราย คิดเป็น 0.7% งานแสดงสินค้า/คอนเสิร์ต 148 ราย คิดเป็น 0.7% การทำงานในสถานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ 111 ราย คิดเป็น 0.5% บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข 76 ราย คิดเป็น 0.4% ต่อเนื่องจากคลัสเตอร์ สมุทรสาคร 72 ราย คิดเป็น 0.3% งานอบรม/สัมมนา 69 ราย คิดเป็น 0.4% ระบบขนส่งสาธารณะ 68 ราย คิดเป็น 0.3% ศูนย์กักกัน ผู้ต้องกัก ผู้ต้องขัง 54 ราย คิดเป็น 0.3% สถานที่ออกกำลังกาย/กีฬา 47 ราย คิดเป็น 0.2%
วัด/สถานปฏิบัติธรรม 22 ราย คิดเป็น 0.1% และปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ 798 ราย คิดเป็น 3.9%
“ตอนนี้อันดับหนึ่ง คือการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายก่อนหน้า 9,177 ราย คิดเป็น 44.3% หมายความว่า ผู้ป่วยไม่ได้มีการระมัดระวัง หรือว่ามีการแยกกักได้อย่างเหมาะสมทันท่วงที ก็เป็นเหตุให้ยังใช้ชีวิตใกล้ชิดกับบุคคล ตอนนี้ถึงได้มีการออกมาตรการมากมายในระยะนี้ ในแง่ของการเว้นระยะห่าง และขอความร่วมมือให้สวมใส่แมสก์ หรือว่าบางพื้นที่มีการกำหนดเป็นกฎหมาย” พญ.อภิสมัย กล่าว
@ ทั่วโลกป่วย 830,822 ราย สะสม 149.32 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 830,822 ราย รวม 149,328,858 ราย อาการหนัก 111,234 ราย หายป่วย 126,982,137 ราย เสียชีวิต 3,148,781 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 52,046 ราย รวม 32,927,091 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 885 ราย รวม 587,384 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 362,902 ราย รวม 17,988,637 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3,285 ราย รวม 201,165 ราย บราซิล พบเพิ่ม 76,085 ราย รวม 14,446,541 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3,120 ราย รวม 395,324 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 104 ของโลก
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage