พบป่วยโควิดเพิ่ม 2,048 ราย เสียชีวิต 8 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 25,767 ราย - ศบค.เตรียมปรับมาตรการ ทบทวนชะลอออกหนังสือรับรองคนต่างชาติ เร่งจัดการเตียงให้เร็วขึ้น เพิ่มคู่สายสายด่วน ตชด.พร้อมเร่งเปิด รพ.สนามเพิ่ม 14 แห่ง
----------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทยว่า ตามข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ณ เวลา 07.00 น. วันที่ 26 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา มีรายงานการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 8 ราย ทำให้จำนวนรวมผู้เสียชีวิตปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 148 ราย
สำหรับจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ 2,048 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 10 ราย เป็นผู้ป่วยหรือติดเชื้อในประเทศ 2,038 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยมาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการรัฐ จำนวน 1,991 ราย ส่วนที่เหลือมาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน โรงงาน สถานที่เสี่ยง 47 ราย
จากรายงานข้อมูลใหม่ดังกล่าว ทำให้จำนวนรวมผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศไทย ทั้งหมดอยู่ที่ 57,508 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 31,593 ราย กำลังรักษาตัว 25,767 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 20,461 ราย อยู่รพ.สนามและอื่นๆ 5,306 ราย
ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ที่กำลังรักษาตัวอยู่ มีผู้ป่วยอาการหนัก 563 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ถึง 150 ราย
@ เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย เป็นผู้สูงวัย-มีโรคประจำตัว มี 1 รายอยู่ระหว่างการสอบสวน
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวัน โดยพบผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่ม 8 ราย
ผู้เสียชีวิตรายที่ 141 เป็นชาย อายุ 61 ปี อาศัยอยู่ปทุมธานี มีประวัติพักอาศัยในพื้นที่เสี่ยง มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหัวใจขาดเลือด มีอาการไข้ ไอ เหนื่อย แน่นหน้าอก ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 142 เป็นชาย อายุ 45 ปี อาศัยอยู่ กทม. มีประวัติเดินทางไปสถานที่เสี่ยง มีอาการไข้ ไอ หายใจลำบาก ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิตด้วยภาวะไตวายเฉียบพลัน
ผู้เสียชีวิตรายที่ 143 เป็นชาย อายุ 24 ปี อาศัยอยู่อุดรธานี มีโรคประจำตัวเป็นเนื้องอกหลอดน้ำเหลือง มีประวัติสัมผัสร่วมงานเลี้ยง มีอาการไข้ ถ่ายเหลว อาเจียน ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 144 เป็นชาย อายุ 92 ปี อาศัยอยู่ชัยภูมิ มีโรคประจำตัวเป็นหัวใจขาดเลือด มีประวัติญาติมาเยี่ยมจากต่างจังหวัด มีอาการไข้ เจ็บหน้าอก ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 145 เป็นชาย อายุ 63 ปี อาศัยอยู่ยะลา มีโรคประจำตัวเป็นไตวายเรื้อรัง มีประวัติญาติมาเยี่ยมจากต่างจังหวัด มีอาการเหนื่อย ไอ นอนไม่หลับ ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 146 เป็นหญิง อายุ 52 ปี อาศัยอยู่ กทม. มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง ไทรอยด์เป็นพิษ และโรคอ้วน มีประวัติพักอาศัยในพื้นที่เสี่ยง มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ เหนื่อย ตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 147 เป็นหญิง อายุ 57 ปี อาศัยอยู่ กทม. มีโรคประจำตัวเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มีประวัติเดินทางไปสถานที่เสี่ยง มีอาการไอ ปวดหลัง ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 148 เป็นชาย อายุ 60 ปี อาศัยอยู่ กทม. มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง อยู่ในระหว่างการรอสอบสวนปัจจัยเสี่ยงป่วย มีอาการไข้ ไอ เหนื่อย ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
พญ.อภิสมัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยรายยืนยันก่อนหน้า และมีโรคประจำตัว สังเกตได้ว่าผู้ติดเชื้อจะมีอายุที่น้อยลง และระยะเวลาการเจ็บป่วยก่อนเสียชีวิตรวดเร็วขึ้น
@ 10 อันดับจังหวัด มีจำนวนผู้ติดรายใหม่สะสมสูงสุด
พญ.อภิสมัย กล่าวรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 จังหวัดสะสมสูงสุดว่า ระหว่างวันที่ 1-26 เม.ย.2564 ประกอบด้วย กทม.ติดเชื้อเพิ่ม 901 ราย สะสม 9,076 ราย สมุทรปราการติดเชื้อเพิ่ม 110 ราย สะสม 1,176 ราย ชลบุรีติดเชื้อเพิ่ม 104 ราย สะสม 1,963 ราย นนทบุรีติดเชื้อเพิ่ม 97 ราย สะสม 1,248 ราย เชียงใหม่ติดเชื้อเพิ่ม 84 ราย สะสม 3,232 ราย สุราษฎ์ธานีติดเชื้อเพิ่ม 61 ราย สะสม 471 ราย สมุทรสาครติดเชื้อเพิ่ม 56 ราย สะสม 709 ราย นครปฐมติดเชื้อเพิ่ม 48 ราย สะสม 392 ราย สงขลาติดเชื้อเพิ่ม 38 ราย สะสม 488 ราย และเพชรบุรีติดเชื้อเพิ่ม 32 ราย สะสม 350 ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 10 ราย ประกอบด้วย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย ปากีสถาน 1 ราย จีน 1 ราย อินเดีย 4 ราย ตุรกี 1 ราย ฮังการี 1 ราย และกาตาร์ 1 ราย
@ เตรียมกระจายยาฟาวิพิราเวียร์รักษาโควิดทั่วประเทศ
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า วันนี้กระทรวงสาธารณสุขจะกระจายส่งยาฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 2 ล้านเม็ด ไปยังโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ หลังยาถึงไทยแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
@ รอเตียงนาน เพราะต้องจัดการรายบุคคล
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการบริหารจัดการเตียงว่า เนื่องจากการระบาดระลอกที่ผ่านในพื้นที่สมุทรสาคร เป็นการระบาดแบบเป็นกลุ่มก้อน และเป็นตรวจหาเชื้อในคราวเดียวกัน ทำให้การจัดการเตียง หรืแการเปิดโรงพยาบาลสนามเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ในกรณี กทม.และปริมณฑล ที่มีการบริหารจัดการเตียงล่าช้า เนื่องจากเป็นการตรวจหาเชื้อ ผลแลปจากคนละที่ ต้องรวมรวมข้อมูล การจัดหาเตียงเลยต้องทำทีละบุคคล ไม่สามารถจัดการแบบเป็นกลุ่มก้อนได้ อีกทั้งแต่ละโรงพยาบาลมีผู้ป่วยอื่นๆ นอกจากผู้ป่วยโควิดด้วย จึงทำให้บางครั้งมีเตียง หรือทรัพยากรอื่นๆ เช่น บุคลากรไม่เพียงพอ ขณะนี้ได้เพิ่มศักยภาพใรการจัดการเตียง และสายด่วนต่างๆ ได้เพิ่มคู่สายมากขึ้น เพื่อการจัดกรที่รวดเร็วขึ้น
@ ปกปิดข้อมูลนำสู่การะแพร่ระบาดวงกว้าง
พญ.อภิสมัย กล่าว จากคลัสเตอร์ของการระบาดที่พบในรอบเดือน เม.ย. 64 พบว่า ในหลายๆ จังหวัดพบในหลายคลัสเตอร์ เช่น เชียงใหม่พบ 6 คลัสเตอร์ นครพนม พบคลัสเตอร์เดียว แต่มีผู้ติดเชื้อ 50 ราย กทม.เกิน 5 คลัสเตอร์ แต่ละคลัสเตอร์พบผู้ติดเชื้อ เกิน 50 ราย เนื่องจากส่วนหนึ่งเกิดจากการปกปิดข้อมูล ทำให้การสอบสวนและการควบคุมการแพร่ระบาดทำได้ล่าช้าและนำไปสู่การกระจายในวงกว้าง ทั้งนี้ จากกรณีการระบาดคลัสเตอร์ชุมชนคลองเตย ขณะนี้ได้มีการเตรียมโรงบาลสนามเพิ่ม โดย ตชด. จัดเตรียมเพิ่มอีก 14 แห่ง
@ กักตัวที่บ้านเสี่ยงอาการทรุดหนัก-กระจายเชื้อ
พญ.อภิสมัย กล่าวกรณีการกักตัวที่บ้านว่า กรณีเสียชีวิตจากโควิดจะสังเกตเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ตรวจพบการติดเชื้อระหว่างการกักโรค ทั้งยังมีอายุน้อยลง ระยะเวลาป่วย จนกระทั่งอาการทรุดลงค่อนข้างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่หลายฝ่ายเป็นห่วง ถึงคนไข้ที่รอเตียง และการให้กักตัวที่บ้าน เพราะผู้ติดเชื้อบางราย แม้จะมีสุขภาพแข็งแรง แต่อาการทรุดลงเร็วเกินไป ทำให้การช่วยเหลือที่โรงพยาบาลค่อนข้างล่าช้าเกินไป และอีกหนึ่งสาเหตุ คือ บ้านไม่เอื้ออำนวนต่อการกักตัว เสี่ยงจะแพร่กระจายให้ผู้อื่น หรือคนในครอบครัวได้ง่าย
@ ศบค.เตรียมปรับโซนสี
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงกรณีการปรับเพิ่มและลดมาตรการในแต่ละพื้นที่ว่า ในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 29 เม.ย.นี้ จะมีการทบทวนมาตรการในบางพื้นที่ เห็นได้จากบางจังหวัดมีการปรับพื้นที่สี กลุ่มที่มีสีเข้มที่พบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำใน 6 จังหวัด ส่วนการจะล็อคดาวน์ และมีมาตรการเพิ่มเติมอย่างไร ศบค.ชุดเล็กจะหารือร่วมกับกรมควบคุมโรค และอาจเห็นการปรับความเข้มข้นของมาตรการในบางพื้นที่
@ ทบทวนชะลอออกหนังสือรับรองให้คนต่างชาติ กรณีคนไทยคาดไม่มีการเปลี่ยนแปลง
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการเดินทางเข้าประเทศในส่วนของคนต่างชาติว่าเป็นไปได้หรือไม่ ให้ระงับการเดินทางของต่างชาติไว้ก่อน ว่า การเดินทางจากต่างประเทศ ระบบเดิมมีการออกใช้อนุญาตจากกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนเรื่องการชะลอออกเอกสารรับรองการเข้าประเทศไทยสำหรับคนต่างชาติ ที่ประชุมมีการทบทวน อยากให้ติดตามว่า จะออกมาอย่างไร ส่วนการเดินทางของคนไทยมาจากต่างประเทศ เพื่อกลับบ้าน ศบค.ไม่อยากให้เกิดเปลี่ยนแปลง เพียงแต่เข้ามาแล้วก็ต้องเข้าระบบการกักตัว 14 วัน
@ ทั่วโลกป่วย 727,349 ราย สะสม 147.789 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 727,349 ราย รวม 147,783,379 ราย อาการหนัก 110,487 ราย หายป่วย 125,320,873 ราย เสียชีวิต 3,122,538 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 34,736 ราย รวม 32,824,389 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 273 ราย รวม 586,152 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 354,531 ราย รวม 17,306,300 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2,806 ราย รวม 195,116 ราย บราซิล พบเพิ่ม 32,572 ราย รวม 14,340,787 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,316 ราย รวม 390,925 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 106 ของโลก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/