อธิบดีผู้พิพากษาศาลคดีทุจริตฯภาค 1 ยื่นฟ้อง ‘สุภา ปิยะจิตติ’ ปมถูกร้องให้โอนสำนวนคดี ‘ประหยัด พวงจำปา’ ฟ้อง ปธ.-กก.ป.ป.ช.-อสส. อ้างเป็นการดูหมิ่นผู้พิพากษา-แทรกแซงการพิจารณาคดี ด้าน 'สิระ' พร้อมนำเรื่องเข้าหารือใน กมธ.การกฎหมายฯ
.............................................
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ และสื่ออีกหลายสำนักรายงานตรงกันว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2564 ที่ศาลจังหวัดสระบุรี นายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 (ปัจจุบันถูกคำสั่งประธานศาลฎีกา ให้ไปช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ) มอบอำนาจให้นายเจษฎา คงรอด ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาในฐานความผิดดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณา หรือพิพากษาคดี โดยมีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมสังเกตการณ์ด้วย
โดยคำฟ้องสรุปได้ว่า ขณะเกิดเหตุคดีนี้ โจทก์ดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีอำนาจหน้าที่ในการนั่งพิจารณาและพิพากษาคดี หรือทำความเห็นแย้งในคดี รวมทั้งให้คำแนะนำแก่ผู้พิพากษาในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในข้อขัดข้องเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษา จัดวางระเบียบและการดำเนินการส่วนธุรการของศาล และมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี
ในขณะเกิดเหตุคดีนี้ จำเลยดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และจำเลยยังอยู่ในฐานะจำเลยที่ 2 คดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 หมายเลขดำที่ อท.84/2563 ที่นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ,น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช., นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นจำเลยที่ 1-3 นอกจากนี้จำเลยยังอยู่ในฐานะจำเลยในคดีของศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 หมายเลขดำที่ อท.64/2563 ระหว่างนายประหยัด พวงจำปา โจทก์ น.ส. สุภา ปิยะจิตติ จำเลย วันที่ 23 มีนาคม 2564
จำเลยจัดทำและยื่นคำร้องขอโอนสำนวนคดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในคดีหมายเลข ดำที่ อท.84/2563 นายประหยัด ยื่นฟ้องจำเลยกับพวกทั้ง 3 ที่กล่าวมา ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 โดยมีข้อความอันเป็นการดูหมิ่น ดูถูก เหยียดหยามโจทก์ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีดังกล่าว ทำให้โจทก์ ได้รับความอับอาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ทั้งยังเป็นการลดคุณค่าและทำลายการใช้ความเด็ดขาด ในการรักษาความยุติธรรมของศาล และทำลายชื่อเสียงของศาล หรือผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่ในการพิจารณา โดยดูหมิ่นโจทก์ว่า โจทก์แทรกแซงการพิจารณาคดี และเป็นเรื่องที่ไม่เป็นการปฏิบัติตามปกติในกระบวนพิจารณา หากให้มีการพิจารณาคดีต่อไปในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 นั้น จำเลยอาจไม่รับความยุติธรรม
การกระทำของจำเลยในการยื่นคำร้องขอโอนคดีโดยระบุข้อความต่าง ๆ ดังกล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนั้น เป็นการดูหมิ่นโจทก์และ/หรือศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดี และเป็นการใส่ความด้วย ข้อความอันเป็นเท็จ ว่ามีการแทรกแซงการพิจารณาคดีโดยโจทก์ และเป็นเรื่องที่ไม่เป็นการปฏิบัติตามปกติใน กระบวนพิจารณา หากให้มีการพิจารณาคดีต่อไปในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จำเลยอาจไม่ได้ รับความยุติธรรมนั้นเป็นการทำลายความเชื่อถือ และความเด็ดขาดในการใช้อำนาจรัฐในการรักษาความยุติธรรรมของศาล รวมทั้งเป็นการลดคุณค่าและทำลายชื่อเสียงของโจทก์ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดี
ทั้งนี้ การกระทำความผิดฐานดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 198 มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี
ภายหลังยื่นฟ้อง นายเจษฎา คงรอด ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายปรเมษฐ์ กล่าวว่า ศาลจังหวัดสระบุรี รับคำฟ้องไว้พิจารณา และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 19 ก.ค. 2564 เวลา 13.30 น. โดยในวันดังกล่าวนายปรเมษฐ์ ในฐานะโจทก์ จะเดินทางมาเบิกความต่อศาลด้วยตนเอง
ขณะเดียวกัน นายเจษฎา ยังได้ยื่นหนังสือเรียงเรียนถึงนายสิระด้วย เพื่อให้ กมธ.การกฎหมายฯ ได้สอบสวนในเรื่องนี้ โดยนายสิระ กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากทนายความของเรื่องนี้เป็นกรณีที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พอทราบข่าวจึงเดินทางมารับเรื่องเพื่อให้เข้าสู่คณะกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาศึกษาหาข้อเท็จจริงว่า การร้องเรียนของ น.ส.สุภา กระทำในฐานะอะไรและมีอำนาจหน้าที่ให้เปลี่ยนคณะสอบสวน หรือร้องขอให้สอบท่านอธิบดีฯ เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ท่านอธิบดีฯ ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่
“เบื้องต้นคิดว่าหากนำมาศึกษาแล้วจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ทั้ง ป.ป.ช. และศาล รวมไปถึงผู้ร้อง อย่าง น.ส.สุภา และผู้ถูกร้อง นายปรเมษฐ์ เข้ามาให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น โดยกรรมาธิการฯ มีอำนาจหน้าที่ศึกษาในเรื่องของกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน จะดูว่าเป็นการกระทำตามกฎหมายหรือไม่ และดูว่าอธิบดีได้รับความยุติธรรมหรือไม่ แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายในเรื่องของการพิจารณาคดี” นายสิระ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ นับเป็นคดีแรกที่ผู้พิพากษาระดับอธิบดียื่นฟ้องกรรมการ ป.ป.ช.
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.posttoday.com/politic/news/650746, ภาพประกอบจาก https://www.thaipost.net/
อ่านประกอบ :
เหตุจำเป็นมิอาจก้าวล่วงได้!ปธ.ศาลฎีกาย้ายด่วนอธิบดีคดีทุจริตฯภาค1 ช่วยงานชั่วคราว
รอคำสั่ง ปธ.ศาลฎีกา! ศาลคดีทุจริตฯภาค1 เลื่อนไต่สวนคดี‘ประหยัด’ฟ้อง‘2 บิ๊กป.ป.ช.-อสส.’
ขอโอนสำนวนเข้าศาลคดีทุจริตกลาง! ป.ป.ช.ร้องขอความเป็นธรรมประธานฎีกา
‘ประหยัด’ฟ้องศาลคดีทุจริตฯ! กล่าวหา‘ปธ.ป.ป.ช.-สุภา-อสส.’ไต่สวนคดียื่นบัญชีเท็จมิชอบ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/