ป่วยใหม่ 1,543 ติดเชื้อในประเทศ 1,540 โยงสถานบันเทิง 555 ราย รวมสะสม 37,453 ราย ส่วนทั่วโลกป่วยสะสม 138.82 ล้านคน ด้านสธ.ชงมาตรการคุมโควิดตามความหนัก-เบาพื้นที่พรุ่งนี้
.....................................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิดประจำวัน ว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,543 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,540 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบริการฯ 1,161 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 379 ราย และอีก 3 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 37,453 ราย หายป่วยเพิ่ม 61 ราย อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล 8,973 ราย และเสียชีวิตสะสม 97 ราย
สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ 1,540 ราย เป็นผู้ติดเชื้อตามพื้นที่ปัจจัยเสี่ยง แบ่งเป็น สถานบันเทิง 555 ราย แบ่งเป็น กทม. 175 ราย ปริมณฑล 55 ราย และจังหวัดอื่นๆ 325 ราย ตลาด ชุมชน ระบบขนส่ง 65 ราย ประกอบด้วย กทม. 17 ราย ปริมณฑล 9 ราย และจังหวัดอื่นๆ 39 ราย และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ 920 ราย ประกอบด้วย กทม. 217 ราย ปริมณฑล 97 ราย และจังหวัดอื่นๆ 606 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 จังหวัดสะสมสูงสุด ระหว่างวันที่ 1-15 เม.ย.2564 ประกอบด้วย กทม. 2,385 ราย เชียงใหม่ 1,477 ราย ชลบุรี 744 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 525 ราย สมุทรปราการ 476 ราย นราธิวาส 322 ราย สมุทรสาคร 234 ราย ปทุมธานี 162 ราย สระแก้ว 143 ราย และระยอง 117 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 3 ราย ประกอบด้วย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย สวีเดน 1 ราย และอินเดีย 1 ราย
ทั้งนี้มีผู้ที่ได้รับวัคซีนเพิ่มอีก 2,006 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 1,618 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 388 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 581,311 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 507,360 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 73,948 ราย
@ คลัสเตอร์ค่ายอาสา นักศึกษาม.เชียงใหม่ ติดเชื้อ 77 กระจายไปอีก 13 จังหวัด
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงสถานการณ์คลัสเตอร์ค่ายอาสา นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า ค่ายดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 77 ราย พบผลติดเชื้อ 34 ราย คิดเป็น 44.2% ไม่พบเชื้อ 41 ราย และอยู่ระหว่างรอผลตรวจอีก 2 ราย ทั้งนี้เนื่องจากผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มบุคคลวัยหนุ่มสาว มีกิจกรรม และมีการเคลื่อนย้ายเดินทางที่รวดเร็ว ทำให้พบผู้ติดเชื้อเชื่อมโยง 13 ราย กระจายไป 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ 21 ราย ตาก 2 ราย ชลบุรี 1 ราย ชุมพร 1 ราย เชียงราย 1 ราย นครปฐม 1 ราย พะเยา 1 ราย แพร่ 1 ราย ลำปาง 1 ราย ศรีสะเกษ 1 ราย สมุทรสาคร 1 ราย สุราษฎร์ธานี 1 ราย และหนองคาย 1 ราย
@ คลัสเตอร์งานสัมมนา นนทบุรี ติดเชื้อ 14 สัมผัสเสี่ยงอีก 80 ราย
นพ.เฉวตสรร กล่าวด้วยว่า มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเชื่อมโยงงานสัมมนา จังหวัดนนทบุรี 14 ราย กระจายไป 8 จังหวัด ได้แก่ อยุธยา 3 ราย จันทบุรี 2 ราย ฉะเชิงเทรา 2 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 2 ราย ปราจีนบุรี 2 ราย กำแพงเพชร 1 ราย ขอนแก่น 1 ราย และสุราษฎร์ธานี 1 ราย
จากการสอบสวนโรคพบมีบางคนถอดหน้ากากอนามัย และมีการรับประทานอาหารร่วมกันแบบโต๊ะจีน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ทั้งนี้ยังมีผู้สัมผัสเสี่ยงที่เข้าร่วมงานสัมมนาดดังกล่าวอีกประมาณ 80 ราย
@ เตรียม Hospitel กว่า 4,900 เตียง รองรับผู้ป่วยไม่มีอาการ-อาการดีขึ้นจากรพ.
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวถึงการบริหารจัดการเตียงผู้ป่วยโควิดว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เตรียมโรงพยาบาลในทุกสังกัดของกทม. ประกอบด้วยโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลในสังกัดกองทัพ โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งได้เตรียมเตียงไว้ทั้งหมด 6,525 เตียง ปัจจุบันมีการใช้เตียงแล้วกว่า 3,700 เตียง ทั้งนี้จากสถานการณ์การระบาดโควิดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก ที่ประชุมจึงได้วางแผนเตรียมรองรับจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้น โดยเตียงภายในโรงพยาบาลจะเตรียมรองรับให้กับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ส่วนผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือผู้ติดเชื้อที่อยู่ภายในโรงพยาบาล 3-5 วัน แล้วมีอาการปกติ จะมีการเตรียมโรงแรมคล้ายสถานกักกันของรัฐ ที่เรียกว่า Hospitel ซึ่งในปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนไปแล้วของผู้ประกอบการในเขตกทม.และปริมณฑล 23 แห่ง โดยมีจำนวนที่ขออนุมัติไว้ 4,900 เตียง และขณะนี้มีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 2,000 เตียง
"Hospitel จะเป็นทางเลือกที่สำคัญทางหนึ่งให้กับประชาชนไปพักและดูแลสุขภาพ ควบคู่กับโรงพยาบาลสนาม ที่จะดูแลประชาชนภายในกทม.และปริมณฑล ทั้งนี้จะมีการเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิดิจิทัล เครื่องวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด และเครื่องเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ เพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่มีอาการหนักมากขึ้น จะมีการย้ายกลับเข้าไปภายในโรงพยาบาลที่เป็นพี่เลี้ยงของ Hospitel ทุกแห่ง ขอให้ประชาชนมั่นใจทั้งเรื่องจำนวน เรื่องของความปลอดภัย และความพร้อมในการดูแลทางการแพทย์" นพ.ธเรศ กล่าว
สำหรับการเตรียมการในอนาคตนั้น จากการคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยรายใหม่วันละ 400-500 ราย จะมีการเตรียมเตียงรองรับภายใน Hospitel ให้ได้ 5,000 - 7,000 เตียง กรมสนับสนุนบริการสุขภาพจึงขอแจ้งให้ผู้ประกอบการโรงแรมที่สนใจ สามารถสมัครลงทะเบียนออนไลน์ได้ ทั้งนี้สำหรับประชาชนที่จะใช้บริการ Hospiteal สามารถเบิกได้จากหลักประกันทางสุขภาพต่างๆได้
@ 'หมอธเรศ'ย้ำรพ.เอกชนปฏิเสธการดูแลผู้ป่วย มีความผิด
นพ.ธเรศ กล่าวอีกว่า จากกรณีคลินิกหลายแห่งไม่ดำเนินการดูแลผู้ป่วยที่พบผลติดเชื้อโควิด ทำให้เกิดเป็นภาระของผู้ป่วยในการหาเตียง หรือบางรายไม่ทราบ ทำให้เกิดการเดินทางไปมา เป็นความยากลำบากในการควบคุมโรค กรมสนับสนุนบริการสุขภาพจึงได้ออกประกาศกำหนดในคลินิกและโรงพยาบาลทุกแห่ง จะต้องมีระบบการให้คำปรึกษาก่อนว่าผู้ป่วยจะต้องทำอย่างไรบ้างหลังรับการตรวจ และคลินิกที่จะสามารถตรวจโควิดได้จะต้องได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ขณะเดียวกันเมื่อพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดจะต้องแจ้งหน่วยงานควบคุมโรคติดต่อและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมถึงจะต้องประสานจัดหาเตียงให้ผู้ป่วย และส่งต่อผู้ป่วย หากไม่ปฏิบัติตามจะมีบทลงโทษ
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาลงโทษรพ.เอกชนประมาณ 2-3 แห่ง ที่ฝ่าฝืน ไม่ยอมดูแลส่งต่อผู้ติดเชื้อ และอยู่ระหว่างการเรียกคลินิกเอกชนหลายแห่งเข้ามาให้ข้อมูล
@ ย้ำไม่แจ้ง-ไม่กักตัว-ไม่เข้ารักษา มีความผิด
กรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อแล้วไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ นพ.ธเรศ กล่าวด้วยว่า พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ได้กำหนดให้เจ้าของบ้าน ผู้รับผิดชอบในโรงพยาบาล ผู้ชันสูตร และผู้ประกอบกิจการ ต้องแจ้งภายใน 3 ชั่วโมง หากไม่แจ้ง จะมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ส่วนกรณีฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ เช่น สั่งให้อยู่กักตัวอยู่ที่บ้านเพื่อรอเตียง หรือว่าสั่งให้ไปรับการรักษาเพื่อลดการติดต่อไปที่ผู้อื่น หากฝ่าฝืนจะมีความผิด มีโทษค่อนข้างแรง คือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท เนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายต่อการแพร่กระจายของโรค
รวมทั้ง กรณีปิดบังสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคโควิด การให้ความเท็จหรือว่าการไม่ให้ข้อมูล มีโทษปรับด้วยเช่นกัน จึงอยากขอว่าถ้าเราช่วยกันในการให้ข้อมูลการควบคุมโรคติดต่อจะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ครอบครัวของเรา เพื่อนบ้านของเราจะปลอดภัยมากขึ้น ระบบจะสามารถควบคุมโรคอย่างรวดเร็ว และไม่ต้องการใช้กลไกทางกฎหมาย
@ สธ.ชงมาตรการคุมโควิด ตามความหนัก-เบาพื้นที่ พรุ่งนี้
สำหรับข้อเสนอการล็อกดาวน์นั้น นพ.ธเรศ กล่าวว่า สธ. ประชุมแล้วพบว่ามีจำนวนการติดเชื้อเพิ่มขึ้น จึงมีการเสนอมาตรการ โดยให้แบ่งลักษณะของพื้นที่หนักเบาแตกต่างกัน โดยจะเสนอเข้าบอร์ดโรคติดต่อ เพื่อไปเสนอใน ศบค.ชุดเล็กวันที่ 16 เม.ย.2564 ขอให้ติดตามรายละเอียดอีกครั้ง
@ทั่วโลกป่วย 803,194 ราย สะสม 138.82 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 803,194 ราย รวม 138,826,004 ราย อาการหนัก 106,506 ราย หายป่วย 111,608,393 ราย เสียชีวิต 2,985,425 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 78,439 ราย รวม 32,149,223 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 915 ราย รวม 578,092 ราย อินเดีย พบผู้ป่วยเพิ่ม 199,569 ราย รวม 14,070,890 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,037 ราย รวม 173,152 ราย บราซิล พบผู้ป่วยเพิ่ม 75,998 ราย รวม 13,677,564 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3,462 ราย รวม 362,180 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 111 ของโลก
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage