ศาลไม่อนุญาตให้ฎีกา! คุกจริง ‘เสก โลโซ’ 2 ปี 18 เดือน คดีพกปืน-เสพยาเสพติด-ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน คืนส่งท้ายปีเก่า 2560 ชี้เป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องข้อกฎหมาย ให้ยกคำร้อง แต่ได้ปล่อยตัวชั่วคราว ตีวงเงิน 6 แสน
........................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2564 ที่ศาลอาญามีนบุรี ศาลอ่านคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ อ.1662/2561 คดีที่อัยการสำนักงานคดีอาญา 12 (มีนบุรี) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเสกสรร ศุขพิมาย (เสก โลโซ) นักร้องนักดนตรีชื่อดัง เป็นจำเลยในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ เสพยาเสพติด และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2490
โดยในวันนี้ นายเสกสรรค์ เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมนางวิภากร หรือกานต์ สุขพิมาย ภริยา และทนายความ หลังจากนั้นศาลอาญามีนบุรี อ่านคำสั่งศาลฎีกา ระบุว่า ที่ทนายความจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำร้องขออนุญาตฎีกาของจำเลยนั้น ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงไม่อนุญาตให้ฎีกา ให้ยกคำร้องและได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด
หลังจากนั้นทนายความของนายเสกสรรค์ กล่าวสั้น ๆ ว่า จะปรึกษานางวิภากร หรือกานต์ สุขพิมาย เพื่อจะอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกา ภายใน 15 วัน ส่วนนางวิภากร มีสีหน้าเศร้าซึม มีอาการเครียด โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว แต่อย่างใด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัว นายเสกสรรค์ เพื่อรอส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีต่อไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดให้จำคุก 2 ปี 18 เดือน
อย่างไรก็ดีภายหลังคำพิพากษา ทนายความของ นายเสกสรรค์ ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ยื่นฎีกาดังกล่าว พร้อมกับยื่นหลักทรัพย์จำนวน 600,000 บาทขอปล่อยชั่วคราว
ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายเสกสรรค์ หรือเสก โลโซไปโดยตีราคาประดัน 600,000 บาท
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายเสกสรรค์ ได้รับการประกันตัวจากห้องควบคุมชั้นล่างศาลอาญามีนบุรี โดยขึ้นรถตู้สีดำ ยี่ห้อฮุนได ส่วนบรรยากาศระหว่างได้รับการปล่อยชั่วคราว นายเสกสรรค์ หเดินออกมาขึ้นรถตู้มาจอดสตาร์ทเครื่องรอ มีนางวิภากร ทนายความและคนติดตามมาคอยต้อนรับ ขณะที่นายเสกสรรค์ มีสีหน้ายิ้มแย้มให้สื่อมวลชนที่มารอทำข่าว พร้อมกับชูนิ้วแสดงท่าทางไอเลิฟยู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวอัยการฝ่ายโจทก์ บรรยายฟ้องว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 31 ธ.ค. 2560 จำเลยได้มีอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนออโตเมติกอีกจำนวน 6 นัด และเสพเมทเอมเฟตามีน กับเสพเมทิลลีนไดออกซีเมทเอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เข้าสู่ร่างกายซึ่งจำนวนและน้ำหนักเท่าใดไม่ปรากฏชัด โดยจำเลยยังต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานด้วย เหตุเกิดที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2561 พิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดทั้ง 3 ข้อหา ให้จำคุกตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 1 ปี รับสารภาพลดโทษเหลือ 6 เดือน, ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืน ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน และฐานเสพยาเสพติด จำคุกอีก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 18 เดือน และให้บวกโทษของศาลอาญาคดีทำร้ายร่างกายสาวคนสนิทภรรยาอีก 1 ปี 3 เดือน เป็นจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี 21 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ แม้ว่าจำเลยอ้างป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ขณะกระทำผิด เนื่องจากเห็นว่าจากพฤติการณ์การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่พบว่าจำเลยรู้ผิดชอบดี จึงไม่อาจอ้างภาวะป่วยดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยนั้นไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และให้นับโทษจำเลยต่อจากคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย
ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2563 แก้เป็นว่าฐานมีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 5 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นจำคุก 1 ปี 15 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ อ.3705/2559 ของศาลอาญาเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ เป็นจำคุก 2 ปี 18 เดือน ซึ่งจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา โดยตีราคาประกัน 600,000 บาท
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://static.thairath.co.th/
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่https://www.facebook.com/isranewsfanpage