ศาลคดีทุจริตฯภาค 9 พิพากษาคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา อดีตปฏิบัติหน้าที่แทน ผอ.สำนักงานเจ้าท่าสงขลาฯ เรียกรับเงิน 1.5 ล้าน เอื้อประโยชน์เอกชนปลูกสร้างสิ่งรุกล้ำลำน้ำ
..................................................
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2564 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดี และโฆษกอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 9 เปิดเผยว่า ในวันเดียวกัน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 มีคำพิพากษาจำคุก 5 ปี คดีที่พนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 9 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง จำเลยที่เป็นอดีตนักวิชาการขนส่งชำนาญการปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา ปี 2555 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157
นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า ตามคำพิพากษาระบุข้อเท็จจริงว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยรับราชการในตำแหน่ง นักวิชาการขนส่งชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา อันเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาออกใบอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงลำแม่น้ำ ประเภทก่อสร้างโรงสูบน้ำพร้อมประตูระบายน้ำได้ ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 มาตรา 117 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2535 มาตรา 23 โดยเมื่อระหว่างเดือนเมษายน 2555 ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 เวลากลางวัน ต่อเนื่องกัน
“จำเลยในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าพนักงาน อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่และอำนาจดังกล่าวข้างต้นพิจารณาออกใบอนุญาตกรมเจ้าท่าให้แก่ บริษัท อ. ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำ ประเภทก่อสร้างโรงสูบน้ำพร้อมประตูรับน้ำ และได้เรียกรับทรัพย์สินเป็นเงินสดจากบริษัท อ. เป็นเงินจำนวน 5,000,000 บาท เพื่อกระทำการพิจารณาในการออกใบอนุญาตกรมเจ้าท่าให้แก่ บริษัท อ. ปลูกสร้าง (โรงสูบน้ำพร้อมประตูรับน้ำ) แต่มีการเจรจาต่อรองเหลือเงินสดจำนวน 1,500,000 บาท ตกลงกำหนดชำระเงินให้แก่จำเลย 4 ครั้ง ครั้งที่ 1 เป็นเงินจำนวน 600,000 บาท ครั้งที่ 2 เป็นเงินจำนวน 600,000 บาท ครั้งที่ 3 เป็นเงินจำนวน 150,000 บาท ครั้งที่ 4 เป็นเงินจำนวน 150,000 บาท” นายโกศลวัฒน์ กล่าว
รองอธิบดีอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 9 กล่าวอีกว่า ต่อมาในวันที่ 18 เมษายน 2555 นายช. ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบริษัท อ. ได้นำเงินสดจำนวน 150,000 บาท เพื่อจะนำไปมอบให้กับจำเลย และให้เป็นผู้รับใบอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำจากจำเลย แทนบริษัท อ. และได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องการเรียกรับเงินของจำเลยต่อเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. เขต 9 และได้ขอให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. เขต 9 ร่วมดำเนินการจับกุมจำเลย โดยนายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ได้นำเงินสดเป็นธนบัตรจำนวน 150,000 บาท ถ่ายสำเนาไว้เป็นพยานหลักฐาน เพื่อจะได้นำไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา และนายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ท. เขต 9 ได้เข้าไปพบจำเลยที่สำนักงาน เพื่อขอรับใบอนุญาตดังกล่าว โดยอ้างว่าไม่ได้เตรียมเงินสดจำนวน 150,000 บาท มาให้กับจำเลย แต่จำเลยก็ไม่ยินยอมมอบใบอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำของบริษัท อ.ให้แก่ นายช. แต่อย่างใด อ้างว่าจะต้องได้รับเงินสดจำนวน 150,000 บาท ตามที่ได้ตกลงไว้กับบริษัท อ. ก่อน แล้วจึงจะมอบใบอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำให้ การกระทำของจำเลยเป็นกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม รวมถึงประชาชน และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ลงโทษจำคุก 5 ปี มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต อย่างไรก็ดีจำเลยยังมีสิทธิ์ที่จะต่อสู้คดีในศาลสูงตามกฏหมายต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/