ปปง.สั่งอายัด 2 ครั้ง 10 รายการ อดีต จนท.การเงินฯ สนง.พัฒนาชุมชน จ.พิษณุโลก ยักยอก 20.4 ล้าน เผยรายละเอียด ทยอยเอาเข้าบัญชีหน่วยงาน 2 แห่ง แล้วโอนต่อเข้าตัวเอง สามี กับพวก 68 ครั้ง ช่วง ต.ค.2556-ม.ค.2563
..............................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) วันที่ 24 ก.พ.2564 คณะกรรมการธุรกรรมสํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) มีคำสั่ง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) รายนางจิตรา รักวุ่น เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชํานาญงาน สังกัดสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพิษณุโลก บัญชีเงินฝาก 4 รายการ วงเงิน 375,007.92 บาท เนื่องจากถูกสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพิษณุโลก ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจภูธรเมืองพิษณุโลกให้ดําเนินคดีในข้อกล่าวหายักยอกเงินของหน่วยงาน รวมจํานวน 68 ครั้ง เป็นเงินรวม 20,458,574.97 บาท คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมระบุว่า
คดีนี้สํานักงาน พัฒนาชุมชนจังหวัดพิษณุโลกตรวจสอบพบว่า เมื่อระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2563 นางจิตรา รักวุ่น ตําแหน่ง เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชํานาญงาน สังกัดสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพิษณุโลก อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่เบิกจ่ายงบประมาณของทางราชการในระบบ GFMIS ขอเบิกเงินจากคลังจังหวัดพิษณุโลก ทั้งจากเงินนอกงบประมาณและเงินในงบประมาณ เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพิษณุโลก และบัญชีเงินฝากธนาคารของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดพิษณุโลก จากนั้นทยอยโอนเงินจาก บัญชีเงินฝากธนาคารของสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพิษณุโลก และบัญชีเงินฝากธนาคารของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดพิษณุโลก ไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารของตนเอง บัญชีเงินฝากธนาคารของสิบเอก ประจวบ รักวุ่น (สามี) และบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลอื่นจํานวน 4 ราย ด้วยวิธีเบิกเงินที่มิได้มีหลักฐานตามระเบียบของทางราชการ และใช้รหัสของผู้อื่น รวมจํานวน 68 ครั้ง เป็นเงินรวม 20,458,574.97 บาท จากนั้น เมื่อระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2563 นางจิตรา รักวุ่น ได้ทยอยโอนเงินออกจาก บัญชีเงินฝากธนาคารของตนเองไปยังบัญชีเงินฝากของตนเองไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลอื่น ๆ รวมเป็น เงินทั้งสิ้น 13,060,000 บาท สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพิษณุโลก จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจภูธรเมืองพิษณุโลกให้ดําเนินคดีกับนางจิตรา รักวุ่น โดยกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่น เอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทาง ราชการ” อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางจิตรา รักวุ่น กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทําความผิดดังกล่าว ต่อมาคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคําสั่งที่ ย.85/2563 ลงวันที่ 16 กันยายน 2563 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว รายนางจิตรา รักวุ่น กับพวก จํานวน 6 รายการ พร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นั้น
จากการตรวจสอบรายงานการทําธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทําธุรกรรมของบุคคล รวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทําความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินในคดีดังกล่าว พบข้อมูลเพิ่มเติมว่า นางสาวณิชชาอร คงอินทร์ นางสาวปิยะพร พิพัฒนธนากิจ และนางสาวดาวประกาย กิ่มเกลี้ยง เป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินเพิ่มเติมอีกจํานวน 4 รายการ ประกอบด้วย เงินในบัญชีเงินฝาก ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฎหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าว เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และเนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวในคดีนี้เป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร อันเป็นทรัพย์สิน ที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคําสั่งให้อายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดําเนินการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิดหรือซ่อนเร้น ทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคําสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สํานักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางจิตรา รักวุ่น กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดและอาจมีการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สิน ดังกล่าว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณา ดําเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคําสั่งอายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จํานวน 4 รายการ ได้แก่
1. เงินในบัญชีฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) ประเภทบัญชีออมทรัพย์ สาขาโลตัส ลําลูกกา (คลอง 2) เลขที่บัญชี 411-0-25691-9 ชื่อบัญชี นางสาวณิชชาอร คงอินทร์ ยอดเงินคงเหลือ 330,862.62 บาท
2. บัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) ประเภทบัญชีออมทรัพย์ สาขาเมืองทองธานี ซิตี้เซ็นเตอร์ 2 เลขที่บัญชี 411-0-62076-0 ชื่อบัญชี นางสาวปิยะพร พิพัฒนธนากิจ ยอดเงินคงเหลือ 22,644.65 บาท
3. บัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) ประเภทบัญชีออมทรัพย์ สาขา ไอที สแควร์ (รังสิต) เลขที่บัญชี 202-2-52466-8 ชื่อบัญชี นางสาวปิยะพร พิพัฒนธนากิจ ยอดเงินคงเหลือ 21,495.05 บาท
4. บัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) ประเภทบัญชีออมทรัพย์ สาขา เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช เลขที่บัญชี 408-7-29611-3 ชื่อบัญชี นางสาวดาวประกาย กิ่มเกลี้ยง ยอดเงินคงเหลือ 5.60 บาท
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ก่อนหน้านี้วันที่ 16 ก.ย.2563 คณะกรรมการธุรกรรม ปปง.อายัดทรัพย์สินนางจิตราไว้ชั่วคราว เป็นเงินฝาก จำนวน 6 รายการมูลค่า 202,232.14 บาท ในชื่อนางจิตรา รักวุ่น 2 บัญชี ,สิบเอกประจวบ รักวุ่น 1 บัญชี , น.ส.ณิชชาอร คงอินทร์ 1 บัญชี ,MS. LYDIAN DAVIES 1 บัญชี และนายสุพจน์ สว่างวงศ์ 1 บัญชี
รวมอายัด 2 ครั้ง 10 บัญชี 577,240.06 บาท