สธ.เผยฉีดวัคซีนแล้วกว่า 3 พันราย ได้รับอาการข้างเคียงบวมแดง-คลื่นไส้เล็กน้อย 5 ราย ซึ่งถือว่าไม่ใช่อาการรุนแรง พร้อมชี้ปมลัดคิวฉีดให้ 'วีไอพีเชียงใหม่' ไม่จริง-เป็นกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว ขณะที่ คกก.โรคติดต่อฯ เตรียมพิจารณาใช้วัคซีนพาสปอร์ตหรือไม่ 8 มี.ค.นี้
......................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงความคืบหน้าการกระจายวัคซีนว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งวัคซีนไปยัง 13 จังหวัด รวม 116,520 โดส ประกอบด้วย เชียงใหม่ 3,520 โดส ตาก 5,000 โดส นครปฐม 3,560 โดส นนทบุรี 6,000 โดส ปทุมธานี 8,000 โดส กทม. 33,600 โดส ชลบุรี 4,720 โดส สมุทรปราการ 6,000 โดส สมุทรสาคร 35,080 โดส สมุทรสงคราม 2,000 โดส ราชบุรี 2,520 โดส สุราษฎร์ธานี 2,520 โดสและภูเก็ต 4,000 โดส
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า มีผู้ได้รับวัคซีนรายใหม่ 2,767 ราย รวมสะสม 3,021 ราย ประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์หรือสาธารณสุข และอสม. 2,781 ราย เจ้าหน้าที่อิ่นๆ ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 133 ราย บุคคลผู้มีโรคประจำตัว 21 ราย และประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 86 ราย ซึ่งมีรายงานผู้มีอาการไม่พึงประสงค์หลังจากได้รับวัคซีน 5 ราย อยู่ในสมุทรปราการ 4 ราย และเกาะสมุย 1 ราย
"มีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด 4 คน และคลื่นไส้ อาเจียน 1 คน แต่ไม่มาก เป็นอาการของผลข้างเคียงที่พบได้ ถือว่าไม่ใช่อาการรุนแรง ขอประชาชนไม่ต้องกังวล เพราะฉะนั้นในภาพรวมการฉีดวัคซีนถือว่ามีความปลอดภัย" นพ.โอภาส กล่าว
ส่วนรายละเอียดการระบุว่ากลุ่มใดจะได้รับวัคซีนนั้น เป็นภารกิจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดที่มีรายชื่ออยู่แล้ว ซึ่งการกระจายวัคซีนในระยะแรกจะให้กลุ่มบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วย อสม. และประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งขณะนี้มี 2 จุด ได้แก่ สมุทรสาคร และปทุมธานี รวมถึงอาจมีกทม.ด้วย ทั้งนี้ขอย้ำว่าในระยะแรกของการฉีดวัคซีนในประเทศไทยนั้น เจ้าหน้าที่สถานพยาบาลจะติดต่อกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับวัคซีนไปเอง และจะยังไม่มีการเปิดให้จองคิวฉีดวัคซีนแต่อย่างใด รวมถึงไม่เปิดให้มีการเดินเข้าไปรพ.เพื่อขอรับวัคซีนด้วย ส่วนไลน์หมอพร้อมนั้นในระยะแรกจะใช้เพื่อติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังการรับวัคซีนของผู้ที่ได้รับการฉีดแล้ว แต่ในระยะต่อไปเมื่อมีวัคซีนเข้ามามากขึ้นจึงจะเปิดให้ลงทะเบียนจองคิวผ่านไลน์หมอพร้อม
@ สธ.แจงปม 'วีไอพี' ได้รับวัคซีนก่อน ไม่จริง-เป็นกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว
นพ.โอภาส กล่าวชี้แจงปมฉีดวัคซีนต้านโควิดให้กลุ่มวีไอพีที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขการได้รับวัคซีนกลุ่มแรกว่า ไม่เป็นความจริงทั้งหมด เนื่องจากระบบหมอพร้อมของ จ.เชียงใหม่ ทำรายชื่อตกหล่น ดังนั้นแล้วผู้ที่ได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จังหวัดกำหนดไว้ ไม่ใช่นอกกลุ่มเป้าหมาย
นพ.โอภาส กล่าวว่า การฉีดวันแรกเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2564 กระทรวงได้จัดส่งวัคซีนให้จังหวัดและได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ 1,450 ราย ซึ่งในวันแรกจังหวัดเชียงใหม่ได้ระบุรายชื่อและนัดเจ้าหน้าที่มารับการฉีดตามที่ได้แจ้งความประสงค์สมัครใจไว้รวม 373 ราย เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 73 ราย และเจ้าหน้าที่อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรค 300 ราย แต่เมื่อถึงวันฉีดจริงมีเจ้าหน้าที่มีความเชื่อมั่นในวัคซีนมากขึ้นจึงมาขอติดต่อขอฉีดในวันดังกล่าวเพิ่มเติม ทำให้การลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมไม่สามารถลงชื่อเข้าระบบได้ จึงไม่ได้ฉีด ทำให้ในวันแรกฉีดวัคซีนได้เพียง 140 ราย เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 73 ราย และเจ้าหน้าที่อื่นๆซึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมโรค และมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย มีทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจและทหารทุกชั้นยศ 67 ราย
“ที่บอกว่าเป็นวีไอพี คงไม่ตรงตามข้อเท็จจริงทั้งหมดทีเดียว เพราะมีบุคลลากรอื่นๆ มาฉีดด้วย ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนในวันแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ได้ฉีดนอกกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด ไม่ใช่วีไอพีทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในรายละเอียดอีกครั้ง มีผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสธ.ดำเนินการตามข้อกำหนดทางการแพทย์และระบาดวิทยา”นพ.โอภาส กล่าว
@ คกก.โรคติดต่อฯ เคาะแผนใช้ 'วัคซีนพาสปอร์ต' หรือไม่ 8 มี.ค.นี้
นพ.โอภาส กล่าวถึงการขอวัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วว่า พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มีกฎหมายโดยมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) หรือผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นผู้ออกหนังสือรับรองให้กับประชาชนที่ฉีดวัคซีนโควิดจนครบได้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการวางระบบไว้เช่นกัน
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนนั้น คือ เมื่อบุคคลที่ฉีดวัคซีนจนครบทางโรงพยาบาลจะออกใบรับรองการฉีดวัคซีนครบให้ และหลังจากนั้นหากต้องการหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนอย่างเป็นทางการก็สามารถมาขอได้ที่กรมควบคุมโรค ซึ่งจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ในวันที่ 8 มี.ค.2564 นี้ ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร จึงขอให้รอความชัดเจนจากการประชุมก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีวัคซีนพาสปอร์ตหากไปนอกพื้นที่ หรือไปต่างประเทศต้องกักตัวอีกหรือไม่ จะต้องรอมติจากที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯ ในวันที่ 8 มี.ค.2564 เช่นกัน รวมทั้งกรณีของต่างชาติที่เข้ามาในไทยด้วย เนื่องจากเรื่องนี้แต่ละประเทศยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งขณะนี้องค์การอนามัยโลกกำลังพิจารณาและจะประชุมในสัปดาห์นี้ ดังนั้นต้องรอความชัดเจนเรื่องนี้ก่อน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage